นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ (10 มิ.ย.2568) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปรับกรอบวงเงินลงทุนและจัดหาแหล่งเงินเพิ่มเติมเพื่อรองรับสำหรับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน เพิ่มขึ้น 7,581 ล้านบาท รวมทั้ง 3 สัญญา จากวงเงินโครงการเดิมตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2565 จำนวน 96,868 ล้านบาท เป็น 104,449 ล้านบาท พร้อมจัดหาแหล่งเงิน จำนวน 8,703 ล้านบาท
ทั้งนี้เบื้องต้นครม.ยังได้อนุมัติให้สั่งจ่ายหนี้แก่เอกชนในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงค่างาน VO สัญญาที่ 1 ก่อสร้างงานโยธาสำหรับสถานีกลางบางซื่อ-และศูนย์ซ่อมบำรุง ช่วงบางซื่อ-รังสิต โดยมีกิจการร่วมค้า เอส ยู มี บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) และบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) เป็นผู้รับจ้าง ซึ่งเป็นค่างานที่จ่ายตามคำสั่งศาลปกครอง แบ่งเป็น ค่า VO จำนวน 5,015 ล้านบาท และค่าดอกเบี้ยผิดนัดชำระตามสัญญา 2,043 ล้านบาท ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 81 ล้านบาท รวมเป็น 7,140 ล้านบาท
สำหรับงานก่อสร้างโครงการนี้ยังมีอีก 2 สัญญา ประกอบด้วย สัญญาที่ 2 (งานโยธาสำหรับสถานีรถไฟบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง) มีบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ ( ITD) เป็นผู้รับจ้าง และสัญญา 3 (งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกลรวมงานจัดซื้อตู้รถไฟฟ้า) มี กิจการร่วมค้า MHSC (บริษัท MITSUBISHI Heavy Industrial Ltd บริษัท Hitachi และ บริษัท Sumitomo Corporation เป็นผู้รับจ้าง
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า หลังจากผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้ว เบื้องต้นได้ประสานไปยังกระทรวงการคลังเพื่อจัดหาแหล่งเงินกู้ให้แก่รฟท.เพื่อไม่ให้มีดอกเบี้ยเพิ่มเติม คาดว่าจะสามารถหาเงินมาชำระได้ทันตามกำหนดที่ศาลมีคำสั่ง
“กระทรวงคมนาคมจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ด้วยถึงปัญหาค่างาน VO ที่เพิ่มขึ้น จนส่งผลให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ล้านบาทต่อวัน” นายสุริยะ กล่าว
ส่วนการหาดอกเบี้ยมาชำระแก่เอกชนผู้รับเหมานั้น รฟท.จะเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการเจรจาหารือร่วมกับเอกชนแล้ว แต่เอกชนไม่ยอมลดดอกเบี้ยให้
อย่างไรก็ดีในการหารือร่วมกับเอกชนนั้น ยังมีข้อแม้ว่าหากภายหลังครม.มีมติอนุมัติการชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว โดยรฟท. สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้เร็วไม่เกิน 1 เดือนกว่า จะมีคิดค่าดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งตามกำหนดที่คำนวณค่าดอกเบี้ยจะสิ้นสุดวันที่ 9 ก.ค.2568
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน สัญญาที่ 1 นั้นสิ้นสุดแล้ว หลังจากเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2568 ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 79/2564 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 79/2565 ลงวันที่ 21 พ.ย. 2565 ให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ชำระเงินให้ กิจการร่วมค้าเอส ยู ที่มี บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) และบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC)
กรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญา โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ตามคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน (VO) จำนวน 4,204,286,694.83 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 27,654,882.90 บาท และให้รฟท.ปฏิบัติตามคำชี้ขาด คณะอนุญาโตตุลาการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด โดยศาลจะเริ่มบังคับคดีในวันที่ 11 พ.ค.2568 ครบกำหนด 60 วัน ในวันที่ 9 ก.ค. 2568