นักธุรกิจชง 6 แนวทาง ‘ลดค่าไฟ’ ปั้น PDP ฉบับใหม่เพิ่มความสามารถแข่งขันประเทศ

17 พ.ย. 2568 | 06:18 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ย. 2568 | 06:18 น.

‘อิศเรศ’ เสนอ 6 แนวทางช่วย ‘ลดค่าไฟ’ ปั้น PDP ฉบับใหม่เพิ่มขี้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เติมพลังงานสะอาด แข่งขันแบบเป็นธรรม

KEY

POINTS

  • นักธุรกิจเสนอ 6 แนวทางปฏิรูปแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่ โดยเน้นการลดต้นทุนพลังงานสะอาดเพื่อลดค่าไฟและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
  • เสนอให้ภาครัฐนำที่ดินและแหล่งน้ำว่างเปล่ามาให้เอกชนเช่าในราคาต่ำเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
  • เรียกร้องให้รัฐใช้นโยบาย G2G ช่วยเจรจาจัดหาอุปกรณ์ในราคาที่ดีที่สุด และเปิดประมูลโครงการอย่างโปร่งใสโดยให้ผู้เสนอราคาต่ำสุดเป็นผู้ชนะ
  • ผลักดันให้รัฐสนับสนุนด้านการเงินผ่านสถาบันการเงิน ลดขั้นตอนการขอใบอนุญาต และเปิดเสรีการซื้อขายไฟฟ้าโดยตรง (Direct PPA) อย่างจริงจัง

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต เปิดเผยผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว (Isaras Rattanadilok ) โดยระบุเป็นความเห็นของประชาชนคนหนึ่งเกี่ยวกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) ว่า ควรผลักดันเป็น 6 นโยบายใน PDP ฉบับใหม่ โดยเติมพลังงานสะอาด ของประเทศ ที่มีราคาถูก แข่งขันได้ด้วยระบบที่โปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ ปลดล็อค กลไก เดิมๆ ที่ควรปฎิรูปเพื่อประเทศ 

“ต้องผ่าตัดต้นทุนพลังงานหมุนเวียนของประเทศ นำร่อง ด้วยพลังงานโซลาร์ และพลังงานลมที่มี ระบบสำรองไฟฟ้า (BESS) โดยหลักการก็คือต้นทุนค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศ ภาครัฐควรมีนโยบายการจัดการให้ดีขึ้น ด้วยการใช้นโยบายลดต้นทุนเชิงรุกโดยมองประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง เหนือทุนพลังงานใดๆ”

สำหรับ 6 ข้อเสนอ นโยบาย PDP ประกอบด้วย

  • ใช้ที่ดิน และแหล่งน้ำว่างเปล่าของภาครัฐให้เช่าในราคาต่ำ แทนการลงทุนเองโดยเอกชน เช่น ที่ดินของกรมธนารักษ์ และการรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับ Solar Farm และ Wind Turbine รวมถึงในอ่างเก็บน้ำ และเขื่อนต่างๆ สำหรับ Solar Floating

“ภาครัฐจัดหาที่ดิน และพื้นที่รองรับ โดยให้มีต้นทุนค่าเช่าตามอายุของโครงการ เช่น 25 ปี ในราคาต่ำ แทนการปล่อยว่างเปล่า”

นักธุรกิจชง 6 แนวทาง ‘ลดค่าไฟ’ ปั้น PDP ฉบับใหม่เพิ่มความสามารถแข่งขันประเทศ

  • ใช้นโยบาย G2G ช่วยในการเจรจาจัดหา เครื่องจักรอุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ระบบสำรองไฟฟ้า (BESS)  โดยการให้ภาครัฐร่วมกับภาคการศึกษาและ ประชาสังคมในการสร้างความร่วมมือระดับประเทศ  อย่างโปร่งใส เพื่อให้ได้ราคาและเงื่อนไขดีที่สุดของประเทศไทย โดยภาครัฐจัดทำ MOU ความร่วมมือกับประเทศที่มีผู้ผลิตดังกล่าว เพื่อใช้เป็นราคาของประเทศไทย แทนการให้แต่ละบริษัทไปเจรจาจัดหาเอง ซึ่งอำนาจต่อรองน้อยกว่า แต่การทำสัญญาซื้อขายกับผู้ผลิตในต่างประเทศจะจัดทำโดยตรงกับเอกชนไทย/รัฐวิสาหกิจไทยที่ชนะการประกวดราคาเป็นแบบ B2B ซึ่งนิติกรรมไม่ต้องผ่านรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ
  • ภาครัฐเปิดการประกวดราคาอย่างโปร่งใส โดยให้เอกชนและกลไกรัฐวิสาหกิจเข้ามาแข่งขันในการก่อสร้าง ติดตั้ง และดูแลการผลิตไฟฟ้าตลอดอายุโครงการอย่างเสรีและโปร่งใส โดยผู้มีราคาต่ำสุดคือผู้ชนะการประกวดราคา ไม่ใช่ใช้กำหนดราคาเป้าหมายอย่างที่ผ่านมา
  • ภาครัฐ ผลักดันให้สถาบันการเงิน มีส่วนร่วม ในการสนับสนุนต้นทุนการเงินที่ต่ำ และเหมาะสมกับเอกชนที่เข้ามาร่วมกันประกวดราคาอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อลดความแตกต่างระหว่างผู้ประกอบการมืออาชีพที่อาจมีต้นทุนทางการเงินที่ต่างกันระหว่าง SMEs และ LEs
  • ภาครัฐควรพิจารณาใช้นโยบาย และมาตรการต่างๆสนับสนุนโครงการนี้ เพื่อให้ต้นทุนของผู้ผลิตไฟฟ้าส่งผ่านไปที่ต้นทุนค่าไฟฟ้าจอวประเทศถูกลง เช่น ส่งเสริมสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) ,ปลดล็อค Lead Time เรื่องใบอนุญาตต่างๆตลอดโครงการให้กระชับรวดเร็วมี Lead Time ที่สั้นที่สุด
  • ภาครัฐมีความกล้าหาญ และจริงใจในการเปิด Direct PPA นำร่อง โดยสนับสนุนอัตรา TPA ให้เหมาะสมเพื่อปลดล็อคการเปิดเสรีไฟฟ้าให้เป็นจริงไม่ใช่ทำเพียงพิธีกรรมว่าได้ทำแล้ว แต่ไร้ผลทางบวกต่อส่วนรวมของประเทศอย่างที่ผ่านมา

“6 เสนอดังกล่าวต้องการให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าซึ่งถือเป็น 1 ในสาธารณูปโภคพื้นฐานมีราคาต่ำที่สุด เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่นับวันยิ่งจะโดนคู่แข่งทิ้งห่างด้วยการลดไขมัน ลดส่วนเกิน จากต้นทุนเดิมๆ ซึ่งแฝงเป็นมะเร็งร้ายอยู่มาตลอดหลายสิบปี”