กกพ.ชี้ ‘ลดค่าไฟ 4 สตางค์’ ตามนโยบายการเมืองต้องดูตามความเหมาะสม

10 พ.ย. 2568 | 06:28 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ย. 2568 | 06:28 น.

กกพ.เผยแนวทาง ‘ลดค่าไฟ 4 สตางค์’ ตามนโยบายการเมืองต้องดูตามความเหมาะสม ชี้ค่าๆฟ 3.94 บาทต่อหน่วยยังมีเงินใช้หนี้ กฟผ. เพียง 3.5 พันล้านบาทต่องวดเท่านั้น

KEY

POINTS

  • กกพ. ชี้ว่านโยบายลดค่าไฟ 4 สตางค์ตามที่พรรคการเมืองเสนอ ต้องพิจารณาความเหมาะสมและสร้างสมดุลให้ทุกฝ่าย
  • การลดค่าไฟจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการชำระหนี้คืนให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
  • หากลดค่าไฟลง จะทำให้เงินส่วนที่นำไปใช้หนี้ กฟผ. ซึ่งมีหนี้สะสมกว่า 4 หมื่นล้านบาท ลดน้อยลงตามไปด้วย และยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป

นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยถึงแนวโน้มการลดค่าไฟต่ำกว่า 3.94 บาทต่อหน่วย ตามนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่ระบุว่าค่าไฟจะลดขั้นต่ำ 4 สตางค์ต่อหน่วยว่า ในเชิงการเมืองคงต้องมีพิจารณาอีกครั้ง

ทั้งนี้ เนื่องจากต้องทำความเข้าใจด้วยว่าทุกอย่างมี 2 ด้าน ซึ่งต้องทำให้เกิดความสมดุลมากที่สุด โดยต้องมาดูว่าฝั่งหนึ่งจะแบกรับเพิ่มอีกได้หรือไม่ หรือฝั่งหนึ่งอยู่ในช่วงที่พอเหมาะแล้ว เพื่อให้อีกฝั่งมีช่องว่างที่จะทำได้ เพราะไม่มีใครที่รู้ได้ว่าปี 69 เศรษฐกิจโลก สงครามจะทรงตัวอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหรือไม่

หากช่วยกันประคับประครองให้สถานการณ์กับมาสู่ภาวะปกติได้ก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

อย่างไรก็ดีหากถามว่ามีนโยบายจากฝั่งการเมืองให้ลดค่าไปลงจะสามารถทำได้หรือไม่ คงต้องพิจารณาจากการคืนหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)​ ซึ่งปัจจุบัน หากคิดค่าไฟที่ 3.94 บาทต่อหน่วย จะมีเงินส่วนที่ไปใช้หนี้ได้ประมาณ 6 สตางค์เท่านั้น หรือประมาณ 3.5 พันล้านบาทต่องวด 

“ยกตัวอย่างเช่น ค่าไฟเหลือ 3.92 บาทต่อหน่วย ก็จะเหลือส่วนที่คืนหนี้ให้กับ กฟผ. ได้เพียง 4 สตางค์  ขนาดตรึงค่าไฟที่ 3.94 บาทต่อหน่วย ยังมีเงินใช้หนี้ กฟผ. ได้เพียง 3.5 พันล้านบาท โดยกว่าจะใช้หนี้หมดก็ประมาณ 10 งวด หรือประมาณ 3 ปีกว่าจากหนี้ 4 หมื่นกว่าล้านบาท”