กกพ.เคาะ ‘ค่าไฟงวดม.ค.-เม.ย. 69’ สูงสุด 4.58 บาท-ตรึงราคา 3.94 บาท

10 พ.ย. 2568 | 05:18 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ย. 2568 | 05:50 น.

กกพ.ประกาศ 2 ทางเลือก ‘ค่าไฟงวดม.ค.-เม.ย. 69’ สูงสุด 4.58 บาทต่อหน่วย และตรึงราคา 3.94 บาทต่อหน่วย ระบุต้นทุนก๊าซธรรมชาติตลาดโลกลดลงต่อเนื่อง

KEY

POINTS

  • กกพ. มีมติเปิดรับฟังความเห็นค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย. 69 โดยเสนอ 2 แนวทางคือ 4.58 บาทต่อหน่วย และตรึงราคาที่ 3.94 บาทต่อหน่วย
  • ปัจจัยบวกที่ทำให้ค่าไฟมีแนวโน้มลดลงมาจากราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
  • กกพ. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางค่าไฟทั้ง 2 กรณี ผ่านเว็บไซต์ระหว่างวันที่ 10-23 พ.ย. 68 ก่อนประกาศอย่างเป็นทางการ

นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ. มีมติให้เปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับเรียกเก็บค่าไฟฟ้าสำหรับงวด เดือน ม.ค.-เม.ย.2569 เป็น 2 กรณี โดยเรียกเก็บที่ 4.58 และ 3.94 บาท/หน่วย

ทั้งนี้ เนื่องจากต้นทุนหลัก ทั้งราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาท เทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลดีเชิงบวกต่อค่าไฟ แนวโน้มค่าไฟจึงเข้าสู่ภาวะขาลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ กกพ. มีช่องว่าง โอกาส และทางเลือกในการบริหารความสมดุลระหว่างการลดลงของต้นทุนค่าไฟ กับการรักษาเสถียรภาพ และความมั่นคงของระบบพลังงานได้พร้อมกัน

นอกจากนี้ ตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเข้ามา แนวโน้มก็ไปในทิศทางดี แม้จะมีปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ (geopolitics) แต่ก็มีผลต่อต้นทุนพลังงาน บวกกับสถานการณ์การผลิต LNG ประเทศผู้ผลิตเริ่มมีทิศทางที่ดี อีกทั้งสหรัฐฯ จะเร่งผลิตก๊าซจากแหล่งอะลาสก้า โดยก๊าซป็นหนึ่งในเชื้อเพลิงที่สำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านพลังงาน 

กกพ.เคาะ ‘ค่าไฟงวดม.ค.-เม.ย. 69’ สูงสุด 4.58 บาท-ตรึงราคา 3.94 บาท

“การทบทวนค่าไฟในงวดต้นปีหน้า จึงยังสามารถตรึงค่าไฟให้อยู่ในระดับเดิมที่ 3.94 บาท/หน่วยได้ อีกทั้งยังมีช่องทางในการเร่งลดภาระทางการเงินด้านเชื้อเพลิงล่วงหน้าให้แก่การไฟฟ้าฝ้ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้เพิ่มเติมด้วย"

อย่างไรก็ตาม กกพ. เปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 10-23 พ.ย.2568ก่อนที่จะมีการสรุปและประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป

นายพูลพัฒน์ กล่าวงอีกว่า ที่ผ่านมา กกพ. ได้ทยอยชำระคืนภาระหนี้ค่าเชื้อเพลิงจากต้นทุนคงค้าง (AF) ให้กับ กฟผ. และ ปตท. โดยในช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค.2568 กกพ. ได้มีมติให้นำเงินเรียกคืนส่วนเกินรายได้ของการไฟฟ้ามาช่วยลดค่าไฟฟ้าจำนวน 12,200 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้ทยอยคืนค่า AFGas รวม 6 งวด โดยเริ่มคืนงวดแรกในช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค. 2568 ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนส.ค.2568 ยอดคงค้างของค่า AF ลดลงเหลือ 47,058 ล้านบาท และต้นทุนค่าก๊าชธรรมชาติคงค้างของรัฐวิสาหกิจลดลงเหลือประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งแม้จะลดลงมาก แต่ยังเป็นปัจจัยลบที่กดดันค่าเอฟทีต่อไป จนกว่าจะชำระภาระค่าเชื้อเพลิงคงค้างทั้งหมด