เอกชนหวังรัฐฯ ‘ลดค่าไฟ’ ลงอีก เพิ่มความสามารถแข่งขันประเทศเพื่อนบ้าน

11 ธ.ค. 2568 | 00:11 น.

ส.อ.ท.หวังรัฐบาล ‘ลดค่าไฟ’ ลงอีก มุ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมหนุนคนละครึ่งพลัสเฟส 2 กระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง

KEY

POINTS

  • ภาคเอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาลดค่าไฟฟ้าลงอีก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
  • ต้องการให้ค่าไฟของไทยอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม (2.70 บาท/หน่วย) และอินโดนีเซีย (3.40 บาท/หน่วย)
  • แม้ค่าไฟงวดล่าสุดจะลดลงเหลือ 3.88 บาท/หน่วย แต่ยังคงสูงกว่าระดับที่ภาคเอกชนตั้งเป้าไว้เพื่อการแข่งขัน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงกรณีที่รัฐบาลลดค่าไฟงวดม.ค.-เม.ย. 69 เหลือ 3.88 บาทต่อหน่วยว่า การลดค่าพลังงาน โดยเฉพาะค่าไฟเป็นสิ่งที่ภาคเอกชนเรียกร้องมาตลอด เพราะต้องการให้ค่าไฟแข่งขันได้กับประเทศคู่แข่ง

“ต้องทำความเข้าใจด้วยว่า ภาคเอกชนไม่ได้เรียกร้องให้ค่าไฟของไทยถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยแน่นอนว่าหากถูกกว่าก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่สำคัญก็คือขอให้สามารถแข่งกับประเทศที่เป็นคู่แข่งโดยตรงได้ เช่น เวียดนามซึ่งค่าไฟอยู่ที่ประมาณ 2.70 บาทต่อหน่วย และอินโดนีเซียซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3.40 บาทต่อหน่วย ซึ่งขอแค่ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันก็จะสามารถแข่งขันได้แล้ว”

นายเกรียงไกร กล่าวต่ออีกว่า แม้ค่าไฟปัจจุบัน หรืองวดใหม่ดังกล่าวจะเกินเป้าหมายที่ภาคเอกชนตั้งเป้าหมายไว้ แต่ก็เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่ารัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานจะต้องเร่งบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และลดต้นทุนของไทยให้สามารถแข่งขันได้ 

เอกชนหวังรัฐฯ ‘ลดค่าไฟ’ ลงอีก เพิ่มความสามารถแข่งขันประเทศเพื่อนบ้าน

ส่วนประเด็นการออกมาตาการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ว่า หากรัฐบาลมีงบประมาณสามารถดำเนินการได้ ก็ควรที่จะต้องทำ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจนเครื่องยนต์ติด โดยไม่ให้เครื่องยนต์ติดหล่ม เป็นการช่วยกันประครองเครื่องยนต์ของประเทศให้สามารถเดินหน้าต่อไปในปี 69

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่ามาตรการคนละครึ่งพลัสเป็นมาตรการเติมกำลังซื้อ และลดค่าใช้จ่าย ซึ่งถือว่าดีมาก โดยสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ถึงกลุ่มรากหญ้า ประชาชนได้รับผลประโยชน์เป็นจำนวนมาก

“คนละครึ่งพลัสเฟส 1 ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีมาก เห็นได้จากผู้ใช้สิทธิ์ทั้ง 20 ล้านรายมีการใช้สิทธิ์หมดอย่างรวดเร็ว และมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก โดยถือว่าเป็นร้านค้าอย่างแท้จริงในระดับที่ลงลึก ไม่ได้มีโมเดิร์นเทรดเข้ามาเกี่ยวข้อง“