KEY
POINTS
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงประเด็นการออกมาตาการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ว่า หากรัฐบาลมีงบประมาณสามารถดำเนินการได้ ก็ควรที่จะต้องทำ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจนเครื่องยนต์ติด โดยไม่ให้เครื่องยนต์ติดหล่ม เป็นการช่วยกันประครองเครื่องยนต์ของประเทศให้สามารถเดินหน้าต่อไปในปี 69
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่ามาตรการคนละครึ่งพลัสเป็นมาตรการเติมกำลังซื้อ และลดค่าใช้จ่าย ซึ่งถือว่าดีมาก โดยสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ถึงกลุ่มรากหญ้า ประชาชนได้รับผลประโยชน์เป็นจำนวนมาก
“คนละครึ่งพลัสเฟส 1 ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีมาก เห็นได้จากผู้ใช้สิทธิ์ทั้ง 20 ล้านรายมีการใช้สิทธิ์หมดอย่างรวดเร็ว และมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก โดยถือว่าเป็นร้านค้าอย่างแท้จริงในระดับที่ลงลึก ไม่ได้มีโมเดิร์นเทรดเข้ามาเกี่ยวข้อง“
ส่วนกรณีที่รัฐบาลลดค่าไฟงวดม.ค.-เม.ย. 69 เหลือ 3.88 บาทต่อหน่วยนั้น มองว่าการลดค่าพลังงาน โดยเฉพาะค่าไฟเป็นสิ่งที่ภาคเอกชนเรียกร้องมาตลอด เพราะต้องการให้ค่าไฟแข่งขันได้กับประเทศคู่แข่ง
“ต้องทำความเข้าใจด้วยว่า ภาคเอกชนไม่ได้เรียกร้องให้ค่าไฟของไทยถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยแน่นอนว่าหากถูกกว่าก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่สำคัญก็๋คือขอให้สามารถแข่งกับประเทศที่เป็นคู่แข่งโดยตรงได้ เช่น เวียดนามซึ่งค่าไฟอยู่ที่ประมาณ 2.70 บาทต่อหน่วย และอินโดนีเซียซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3.40 บาทต่อหน่วย ซึ่งขอแค่ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันก็จะสามารถแข่งขันได้แล้ว”
นายเกรียงไกร กล่าวต่ออีกว่า แม้ค่าไฟปัจจุบัน หรืองวดใหม่ดังกล่าวจะเกินเป้าหมายที่ภาคเอกชนตั้งเป้าหมายไว้ แต่ก็เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่ารัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานจะต้องเร่งบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และลดต้นทุนของไทยให้สามารถแข่งขันได้