บีโอไออัดเงินรายละ 100 ล้านเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการไทย

10 ธ.ค. 2568 | 09:07 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ธ.ค. 2568 | 09:07 น.

บีโอไอผนึกกกร.อัดเงินรายละ 100 ล้านบาทผ่านกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน มุ่งยกระดับธุรกิจผู้ประกอบการไทย

KEY

POINTS

  • บีโอไอร่วมมือกับ กกร. ออกมาตรการสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
  • ให้เงินสนับสนุนสูงสุดรายละ 100 ล้านบาท สำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่, การวิจัยและพัฒนา (R&D) และการปรับตัวสู่อุตสาหกรรมสีเขียว
  • ผู้มีสิทธิ์ต้องเป็นนิติบุคคลที่มีหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 51% ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เพื่อผลักดันมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 

โดยเป็นมาตรการที่บีโอไอจะให้เงินสนับสนุนผ่านกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศฯ แก่ผู้ประกอบการไทย เพื่อยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ การวิจัยและพัฒนา (R&D) และการปรับเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและขยายโอกาสการเติบโตของธุรกิจในอนาคต 

“การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นครั้งแรกที่บีโอไอร่วมมือกับ กกร. เพื่อบูรณาการเครื่องมือทางการเงินร่วมกับการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน”

สำหรับมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจะให้เงินสนับสนุนแก่นิติบุคคลที่มีหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 51% ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เกษตร อาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยถ้าเป็นผู้ประกอบการทั่วไป มีเงื่อนไขลงทุนขั้นต่ำ 50 ล้านบาท 

แต่กรณีเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่ขึ้นทะเบียน ในโครงการ SME ONE ID ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ต้องลงทุนขั้นต่ำ 20 ล้านบาท โดยหากเป็นการวิจัยและพัฒนา จะได้รับเงินสนับสนุน 50% ของเงินลงทุนจริงในโครงการ 

และหากเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพกิจการเดิมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การใช้ระบบอัตโนมัติ และเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการปรับเปลี่ยนไปสู่อุตสาหกรรมใหม่หรืออุตสาหกรรมสีเขียว จะได้รับเงินสนับสนุน 30% ของเงินลงทุนจริงในโครงการ แต่หากมีการใช้เครื่องจักรที่ผลิตในประเทศไม่น้อยกว่า 30% สัดส่วนเงินสนับสนุนจะเพิ่มเป็น 50% ของเงินลงทุนจริงในโครงการ โดยเงินสนับสนุนสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อบริษัท ซึ่งต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569 และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน นับจากวันออกบัตรส่งเสริม

การให้เงินสนับสนุนดังกล่าว บีโอไอได้ทำงานร่วมกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อบูรณาการเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถฯ เป็นการเบิกจ่ายหลังจากที่ผู้ประกอบการได้ลงทุนตามเงื่อนไขแล้ว บางรายอาจมีปัญหาสภาพคล่อง สมาคมธนาคารไทยจึงเข้ามาช่วยพัฒนาสินเชื่อระยะสั้น (Bridging Loan) พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากสถาบันการเงิน เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ตามโครงการ โดยบีโอไอจะร่วมกับ กกร. จัดเวิร์กช็อปเพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจหลักเกณฑ์ของมาตรการอย่างถูกต้องและสามารถจัดทำข้อเสนอได้ตรงตามวัตถุประสงค์มากที่สุด

นอกจากนี้ บีโอไอและ กกร. ยังได้หารือแนวทางความร่วมมือภายใต้โครงการ Reinvent Thailand โดยบูรณาการเครื่องมือส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ กับมาตรการของสถาบันการเงินและองค์กรเอกชน เพื่อสร้างพลังในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลการส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้ธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ สามารถออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อได้ตรงเป้าหมายและสอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น 

การเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบ PromptBiz เพื่อช่วยยืนยันข้อมูลการลงทุนและสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให้ SMEs ได้คล่องตัวขึ้น การพัฒนามาตรฐานข้อมูลเพื่อให้หน่วยงานรัฐและเอกชนสามารถใช้รหัสอ้างอิงประเภทธุรกิจที่สอดคล้องกัน รวมถึงการสนับสนุนการเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่และซัพพลายเออร์ในประเทศ เพื่อให้เกิดการยกระดับห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เป็นต้น