‘ส.อ.ท.’ ชง 8 ข้อเสนอพรรคไทยก้าวใหม่ดันเศรษฐกิจ-อุตสาหกรรมไทย

09 ธ.ค. 2568 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ธ.ค. 2568 | 04:00 น.

‘ส.อ.ท.’ ถกพรรคไทยก้าวใหม่นำเสนอ8 ข้อดันเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมไทย แก้กฏหมาย พัฒนาบุคลากร ส่งเสริมการส่งออก เปรียบไทยเหมือนรถติดหล่มต้องใช้แรงมหาศาลดึง

KEY

POINTS

  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยื่นข้อเสนอ 8 ด้านแก่พรรคไทยก้าวใหม่ เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ
  • ข้อเสนอหลักมุ่งเน้นการปฏิรูปกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) การพัฒนาบุคลากรและแรงงาน และการบริหารจัดการด้านพลังงานเพื่อลดต้นทุน
  • ประเด็นสำคัญอื่น ๆ รวมถึงการส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve, การยกระดับอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  เปิดเผยภายหลังหารือกับผู้บริหารพรรคไทยก้าวใหม่ ว่า ได้มีข้อเสนอแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ออกเป็น 8 ด้าน ประกอบด้วย

  • การปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อส่งเสริมความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) และเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยยกระดับการปฏิรูปกฎหมายเป็นวาระแห่งชาติด้วยวิธี Omnibus Laws และ Regulatory Guillotine ปรับปรุงกฎหมายระดับรองที่สามารถดำเนินการได้ทันที รวมทั้งผลักดันร่าง พ.ร.บ.อำนวยความสะดวก ยกระดับการให้บริการภาครัฐ
  • การพัฒนาบุคลากร เพิ่มผลิตภาพแรงงาน และแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานทั้งระบบ โดยปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำควรเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคี พิจารณาให้สอดคล้องตามปัจจัยทางเศรษฐกิจของแต่ละพื้นที่ การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Labour Productivity) รวมทั้งส่งเสริมการจ่ายค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน (Pay by Skills)
  • การบริหารจัดการด้านพลังงานทั้งระบบ รองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) โดยเร่งทบทวนและผลักดันแผนพลังงานชาติ (NEP) ฉบับใหม่ ทบทวนโครงสร้างพลังงาน เพื่อลดต้นทุนพลังงาน/ไฟฟ้า และสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อให้แก้ไขปัญหาพลังงาน

‘ส.อ.ท.’ ชง 8 ข้อเสนอพรรคไทยก้าวใหม่ดันเศรษฐกิจ-อุตสาหกรรมไทย

  • การส่งเสริมการส่งออก การค้า และสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve โดยเร่งสร้างกลไกและแผนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม S-Curve เร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) เพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับสินค้า Made in Thailand (MiT) รวมทั้งปกป้องสินค้าไทยโดยการควบคุมสินค้านำเข้าที่ไม่ได้คุณภาพ
  • การยกระดับอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และดิจิทัล โดยสนับสนุนการลงทุนพัฒนาไปสู่ Digital Transformation 4.0 ส่งเสริมการขับเคลื่อนโจทย์นวัตกรรมรายกลุ่มอุตสาหกรรม เชื่อมโยงสถาบันการศึกษา รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ สนับสนุนอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
  • การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน (BCG & ESG) การบริหารจัดการทรัพยากรนํ้า และการมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero โดยบูรณาการการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน เตรียมความพร้อมในการรับมือมาตรการ Climate Change รวมทั้งนำกากอุตสาหกรรมไปใช้ประโยชน์ เป็นวัสดุหมุนเวียน (Circular Materials) การใช้ประโยชน์ใหม่ (Waste symbiosis)
  • การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs โดยผลักดัน SME ให้เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และขยายสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุม SME Size M ดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) และจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ค้ำประกันสินเชื่อ
  • การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน Logistics และพื้นที่สำหรับอุตสาหกรรม โดยทบทวนการกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษและระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ เพิ่มขีดความสามารถการส่งออก นำเข้าไทย รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ ส่งเสริมการค้าชายแดนผ่านแดนของไทย

“เศรษฐกิจไทยในวันนี้ เปรียบได้กับรถที่ติดหล่มต้องใช้แรงมหาศาลในการดึงขึ้นมา ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการเร่งเครื่องนโยบายจากภาครัฐ ดังนั้น รัฐบาลจึงได้ประกาศนโยบาย Quick Big Win เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย แก้หนี้ เพิ่มสภาพคล่อง และฟื้นการท่องเที่ยวให้กลับมาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญอีกครั้ง”

สำหรับความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมไทย ประกอบด้วย

  • มาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ 
  • ปัญหาสินค้าทุ่มตลาด/สวมสิทธิ์ส่งออก 
  • ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ 
  • ข้อพิพาทพื้นที่ชายแดน 
  • หนี้ครัวเรือนและหนี้ธุรกิจ 
  • ค่าเงินบาทแข็งค่า 
  • ผลกระทบจากปัญหาสภาพภูมิอากาศ 
  • ธุรกิจสีเทาและอาชญากรรมไซเบอร์ ตลอดจนปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งสังคมผู้สูงอายุ กับดักรายได้ปานกลาง ระบบการศึกษา การเมือง งบประมาณไม่สมดุล คอร์รัปชันและกฎหมายล้าสมัย 

‘ส.อ.ท.’ ชง 8 ข้อเสนอพรรคไทยก้าวใหม่ดันเศรษฐกิจ-อุตสาหกรรมไทย

นอกจากนี้ ยังได้เสนอยุทธศาสตร์สำคัญในการยกระดับผู้ประกอบการไทยสู่มาตรฐานสากล ผ่านแนวทาง 4GO ประกอบด้วย

  • Go Digital & AI ยกระดับอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI
  • Go Innovation สร้างผู้ประกอบการ “จิ๋วแต่แจ๋ว” ด้วยนวัตกรรม
  • Go Global พัฒนาสินค้าและบริการไทย เพื่อขยายโอกาสสู่ตลาดโลก
  • Go Green ขับเคลื่อนองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนและปรับตัวสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050

“แนวทาง 4GO อยู่ภายใต้นโยบาย ONE FTI ของ ส.อ.ท. ซึ่งช่วยยกระดับผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เข้มแข็งกว่าเดิม โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม”

นอกจากนี้ ยังได้ระบุเป้าหมายการพัฒนาประเทศใน 3 ด้าน ประกอบด้วย 

  • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย (Competitiveness) มีผลประเมินการจัดอันดับ IMD TOP 20 อันดับแรก (ปี 2025 ประเทศไทยยังอยู่อันดับที่ 30) 
  • ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Driving GDP Growth) ให้ขยายตัวได้ในระดับ 5% 
  • การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 เร็วกว่าเดิม 15 ปี จากเป้าหมายเดิมคือปี 2065