KEY
POINTS
นางวรรณี มหานีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับการสร้างโอกาสทางธุรกิจ เพื่อนำผลิตภัณฑ์เกษตรคุณภาพให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง
ซึ่งเป็นการนำกลุ่มองค์กรเกษตรกร 20 องค์กร เข้าร่วมแสดงสินค้าและเจรจาจับคู่ธุรกิจ รวมถึงมีการจัดนิทรรศการแสดงสินค้าของกลุ่มเกษตรกร ภายในงาน Thailand Product Expo 2025
โดยสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยร่วมกับสมาคมเอสเอ็มอีอาเซียน สำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มช่องทางการตลาดให้เกษตรกร เกิดการเจรจาจับคู่ธุรกิจ และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการตลาด ภายใต้แนวคิดการตลาดนำการผลิตเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับห่วงโซ่การผลิต และสนับสนุนการฟื้นฟูและพัฒนากลุ่มองค์กรเกษตรกรให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับที่ผ่านมาตั้งแต่พ.ศ. 2549 – 2567 สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรได้อนุมัติสินเชื่อดอกเบี้ย 0% ให้แก่กลุ่มองค์กรเกษตรกรทั่วประเทศ รวม 3,136 โครงการ มีเกษตรกรเข้าร่วมจำนวน 89,272 ราย ใช้งบประมาณรวม 1,270 ล้านบาท ครอบคลุมกลุ่มอาชีพทั้งหมด 18 อาชีพ เช่น โค 1,343 องค์กร, กระบือ 64 องค์กร,สุกร 178 องค์กร และแพะ 77 องค์กร เป็นต้น
ซึ่งกลุ่มองค์กรเกษตรดังกล่าวเหล่านี้ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้ก้าวสู่เกษตรคุณภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ข้าว เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอร์รี ข้าวอินทรีย์ และข้าวกล้อง รวมถึงสินค้าเกษตรแปรรูปคุณภาพมาตรฐานส่งออก เช่น ผลิตภัณฑ์จากยางพารา ผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก และผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ เช่น โคขุน ฯลฯ
นายรักติ ญวนกระโทก รองประธานคณะกรรมการปริหารส่วนภูมิภาค สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า งานดังกล่าวจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เป็นงานแสดงสินค้าและเจรจาจับคู่ธุรกิจที่เคยจัดทั้งในประเทศไทย, สปป.ลาว และประเทศเวียดนาม โดยมีแนวคิดสำคัญในการนำผลิตภัณฑ์คุณภาพจากผู้ประกอบการหลากหลายกลุ่มมาร่วมจัดแสดง เช่น สินค้า OTOP, SME, เครื่องครัว, เสื้อผ้า, เครื่องประดับ ทั้งผู้ประกอบการเจ้าของแบรนด์ และผู้รับผลิต OEM
การจัดงานมุ่งขยายช่องทางการจำหน่าย สร้างโอกาสในการเจรจาจับคู่ธุรกิจ สร้างเครือข่ายทางการตลาด เพิ่มวอลุ่มทางธุรกิจ และช่วยผลักดันผู้ประกอบการให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ผ่านการเชื่อมโยงตลาดทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับปี 2568 งานจัดที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติไคซ์ จังหวัดขอนแก่นและในปี 2569 ทางสมาพันธ์ฯ มีแผนจัดงานกระจายสู่ 4 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคกลาง รวมถึงมีแผนขยายการจัดงานไปยัง สปป.ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ ในอนาคต เพื่อเปิดตลาดใหม่และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการไทย
นางสาวชรินา แก้วสีขาว กรรมการผู้จัดการบริษัท การตลาดเพื่อผลผลิตชุมชน จำกัด ในนามผู้บริหารจัดการโครงการฯ กล่าวว่า ขอนแก่นเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีความหลากหลายของธุรกิจ ทั้งด้านการค้า การผลิต สุขภาพ อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมบริการต่าง ๆ ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขอนแก่นกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ที่มีความครบวงจรและมีศักยภาพสูง ขอนแก่นตั้งอยู่ในตำแหน่งยุทธศาสตร์สำคัญของภาคอีสาน โดยมีถนนมิตรภาพและทางหลวงหมายเลข 12 เป็นเส้นทางหลักเชื่อมโยงการเดินทางและการขนส่งระหว่างจังหวัดต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก
อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศกลุ่ม CLMV ช่วยเสริมศักยภาพด้านการค้าและโลจิสติกส์ให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีกำลังซื้อที่แข็งแรง
“งานดังกล่าวคาดว่าจะสามารถเข้าถึงประชาชนและกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า 1,000,000 คน และยังช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนภายในจังหวัดกว่า 30 ล้านบาท ช่วงระว่างวันที่ 17 – 21 ธ.ค. 68“