ผ่ารายงานธนาคารโลก 7 ปมใหญ่ทำไทยติดล็อกเศรษฐกิจดิจิทัล ตามหลังอาเซียน

05 ธ.ค. 2568 | 04:10 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ธ.ค. 2568 | 04:25 น.

ธนาคารโลกชี้! ไทยยังตามหลังอาเซียน "ติดล็อก 7 ปม" จี้เร่งเครื่อง Digital Data Roadmap ชี้ช่องทางรอดเศรษฐกิจดิจิทัล

KEY

POINTS

  • ธนาคารโลกชี้ไทยเผชิญความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเฉพาะการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ที่ยังต่ำ และการขาดแคลนทักษะดิจิทัลขั้นสูง ทำให้ตามหลังประเทศอื่นในอาเซียน
  • อุปสรรคสำคัญมาจากการตีความกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ที่เข้มงวดเกินไป และระบบงานภาครัฐที่แยกส่วน (Data Silos) ซึ่งจำกัดการใช้ประโยชน์และแบ่งปันข้อมูลเพื่อสร้างนวัตกรรม
  • รายงานได้เสนอแผนปฏิรูป 5 ปี (2025–2029) เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหา โดยเน้นการปรับปรุงกฎหมาย การสร้างธรรมาภิบาลข้อมูล และการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ

รายงานล่าสุดจากธนาคารโลก (World Bank) ภายใต้ชื่อ “Thailand Digital Data Infrastructure Roadmap (DDIR) Report” ได้ส่งสัญญาณเตือนภัยถึงความล่าช้าและความท้าทายเชิงโครงสร้างที่ฉุดรั้งการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ

รายงานนี้ไม่ได้เพียงชี้ถึงจุดอ่อน แต่ยังเปิดพิมพ์เขียวเชิงยุทธศาสตร์เพื่อสร้างรากฐานข้อมูลที่แข็งแกร่ง นำไปสู่การขับเคลื่อนนวัตกรรมและยกระดับบริการภาครัฐ

ผ่ารายงานธนาคารโลก 7 ปมใหญ่ทำไทยติดล็อกเศรษฐกิจดิจิทัล ตามหลังอาเซียน ธนาคารโลกได้สรุป "7 ประเด็นติดล็อก" ที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลดิจิทัล (Digital Data Infrastructure) ของไทย พร้อมเสนอ Policy Roadmap (2025–2029) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการปฏิรูปเร่งด่วน

ผ่า 7 ปมติดล็อกเศรษฐกิจดิจิทัล ตามรายงานธนาคารโลก

รายงาน DDIR ได้เจาะลึกถึงปัญหาคอขวดทั้งในมิติของโครงสร้างพื้นฐาน กฎหมาย ธรรมาภิบาล และทักษะ ดังนี้:

1. ไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ: ช่องว่างด้านความครอบคลุมและทักษะ

ประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายพื้นฐานด้านการเข้าถึงดิจิทัล แม้ว่าการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยรวมจะสูง แต่ความครอบคลุมของการเข้าถึงบรอดแบนด์ (Broadband) ยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 18% ของครัวเรือนเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงการเข้าถึงที่ไม่เท่าเทียมและจำกัดโอกาสทางเศรษฐกิจในพื้นที่ห่างไกล

นอกจากนี้ ในมิติของทักษะดิจิทัลขั้นสูง ไทยยังตามหลังประเทศอื่นๆ ในอาเซียนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI หรือ GenAI) ที่มีเพียง 6% ของประชากรเท่านั้นที่มีทักษะในด้านนี้ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการปรับตัวของแรงงานในยุคเศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วย AI

ผ่ารายงานธนาคารโลก 7 ปมใหญ่ทำไทยติดล็อกเศรษฐกิจดิจิทัล ตามหลังอาเซียน 2. กฎหมายและระเบียบข้อมูล: PDPA คือตัวแปรสกัดกั้นการใช้ประโยชน์ข้อมูล

ปัญหาด้านกฎหมายข้อมูลถูกระบุว่ามีความซับซ้อนและเป็นอุปสรรคต่อการใช้ประโยชน์ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ รายงานชี้ว่า กฎหมายข้อมูลมีความซ้ำซ้อนกันหลายฉบับ ทำให้เกิดความสับสนในการปฏิบัติงาน

จุดที่น่ากังวลที่สุดคือการตีความพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA - Personal Data Protection Act) ที่ธนาคารโลกมองว่า "เข้มงวดเกินไป" (Overly Strict Interpretation) การตีความเช่นนี้ทำให้เกิดความสับสนในการดำเนินงานทั้งในภาครัฐและเอกชน และจำกัดการแบ่งปันข้อมูล (Efficient Data Sharing) ที่จำเป็นต่อการสร้างนวัตกรรม นอกจากนี้ ปัญหาการโอนข้อมูลข้ามพรมแดน (Cross-Border Data Flow) ยังเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศ

3. รัฐบาลดิจิทัล: ระบบแยกส่วนและการกำกับดูแลที่ขาดเอกภาพ

ระบบงานของหน่วยงานภาครัฐยังคงมีลักษณะ "แยกส่วน" (Fragmented) อย่างรุนแรง นำไปสู่ปัญหา 'Data Silos' ที่ข้อมูลถูกกักเก็บและไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การให้บริการประชาชนขาดความต่อเนื่องและซ้ำซ้อนกัน

ธนาคารโลกจึงเสนอให้มีการจัดตั้ง National Data Governance Authority (NDGA) ซึ่งควรมีบทบาทในการกำกับดูแลข้อมูลของภาครัฐแบบบูรณาการอย่างชัดเจน เพื่อขจัดความซ้ำซ้อนของบทบาทในปัจจุบัน และสร้างธรรมาภิบาลข้อมูลที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งภาครัฐ

ผ่ารายงานธนาคารโลก 7 ปมใหญ่ทำไทยติดล็อกเศรษฐกิจดิจิทัล ตามหลังอาเซียน 4. โครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรม: รัฐบาลใช้คลาวด์ล่าช้าและขาดแพลตฟอร์มเปิด

ไทยมีศักยภาพทางภูมิศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางข้อมูล (Data Hub) ของภูมิภาค แต่กลับเผชิญกับความล่าช้าในการนำเทคโนโลยีพื้นฐานมาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ในหน่วยงานภาครัฐที่ยังเป็นไปอย่างจำกัดและล่าช้า

นอกจากนี้ ยังไม่มีแพลตฟอร์มข้อมูลเปิดรวมศูนย์ (Unified Open Data Platform) ที่สมบูรณ์แบบเพื่อปลดล็อกมูลค่าของข้อมูลภาครัฐให้ภาคเอกชนและประชาชนสามารถนำไปใช้สร้างนวัตกรรมได้ การขาดกลไกเหล่านี้ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายที่อาศัยข้อมูลขนาดใหญ่ทำได้อย่างยากลำบาก

5. วิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์: การตั้งเป้าหมาย EGDI Top 40

ในแง่ของวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย ธนาคารโลกสนับสนุนการตั้งเป้าหมายเชิงรุก โดยไทยควรวางเป้าหมายให้ดัชนีการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government Index หรือ EGDI) ติดอันดับ Top 40 ของโลก ซึ่งต้องอาศัยการให้บริการภาครัฐที่สะดวก โปร่งใส และที่สำคัญคือต้องเป็นบริการที่ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถใช้งานได้จริงและเกิดประโยชน์สูงสุด

6. กรณีศึกษาภาคสวัสดิการสังคม: การขาดการเชื่อมโยงเพื่อช่วยเหลือที่ตรงจุด

ในภาคสวัสดิการสังคม (Social Welfare) ปัญหาความกระจัดกระจายของข้อมูลเป็นอุปสรรคสำคัญ ข้อมูลของผู้มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือยังขาดการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน (Interoperability) อย่างสิ้นเชิง ทำให้การช่วยเหลือขาดความแม่นยำ ไม่สามารถระบุตัวกลุ่มเปราะบางได้อย่างตรงจุด และนำไปสู่การสูญเสียทรัพยากรโดยไม่จำเป็น

แนวทางแก้ไขคือการเพิ่มการใช้ Big Data Analytics เพื่อให้สามารถกำหนดนโยบายและออกแบบมาตรการช่วยเหลือที่ "ตรงจุด" (Targeted Policy) ได้มากขึ้น และจำเป็นต้องมีการจัดตั้งระบบทะเบียนสังคมแบบรวมศูนย์ (Federated Social Registry) เพื่อให้ข้อมูลด้านสวัสดิการถูกแบ่งปันอย่างเป็นระบบ

ผ่ารายงานธนาคารโลก 7 ปมใหญ่ทำไทยติดล็อกเศรษฐกิจดิจิทัล ตามหลังอาเซียน 7. Policy Roadmap (2025–2029): พิมพ์เขียว 3 ระยะ สู่การปฏิรูปข้อมูล

ธนาคารโลกได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ DDIR 2025–2029 เป็นโรดแมป 5 ปี เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการแก้ไข 6 ปัญหาข้างต้น โดยแบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ระยะหลัก:

  • ระยะที่ 1 (2025–2027): ปรับกฎหมายและวางฐาน เน้นการปรับปรุงกฎหมายที่ซ้ำซ้อนให้มีความสอดคล้องกันมากขึ้น การจัดทำ Data Catalogue ของภาครัฐเพื่อแสดงรายการข้อมูลที่มีอยู่ และการเร่งรัดการจัดตั้งและให้ NDGA เริ่มต้นปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ
  • ระยะที่ 2 (2027–2029): ขยายเชื่อมโยงและสร้าง Sandbox เน้นการขยายการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานให้กว้างขวางขึ้น การจัดทำแพลตฟอร์มข้อมูลเปิดให้สมบูรณ์ และการจัดตั้ง AI/Sandbox เพื่อเป็นพื้นที่ทดสอบนวัตกรรมด้าน AI ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีการควบคุม
  • ระยะที่ 3 (วิสัยทัศน์ระยะยาว): เชื่อมข้อมูลข้ามแดนและสร้างความโปร่งใส มุ่งเน้นไปที่การสร้างกลไกการเชื่อมโยงข้อมูลข้ามแดนที่มีมาตรฐานและความปลอดภัย และการสร้าง Dashboard สาธารณะ (Public Dashboard) เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลการใช้จ่ายและผลลัพธ์ของโครงการภาครัฐ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการข้อมูล