เปิดนโยบาย ‘QUICK BIG WIN’ กพร. ดันแร่เข้าอุตฯ EV-เซมิคอนดักเตอร์

02 ธ.ค. 2568 | 03:06 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ธ.ค. 2568 | 03:06 น.

กพร. เดินหน้านโยบาย QUICK BIG WIN รุกเชื่อมแร่เข้าสู่กระบวนการผลิตอุตสาหกรรม EV เซมิคอนดักเตอร์ พลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐาน

KEY

POINTS

  • กพร. เปิดตัวนโยบาย ‘QUICK BIG WIN’ เพื่อเร่งรัดกระบวนการอนุญาต (QUICK) ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ (BIG) และเชื่อมโยงแร่สู่อุตสาหกรรมเป้าหมาย (WIN)
  • มุ่งผลักดันและส่งเสริมการใช้แร่เชิงกลยุทธ์เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเซมิคอนดักเตอร์
  • ปรับลดขั้นตอนและเร่งรัดการอนุญาตสำรวจและทำเหมืองแร่ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital License Platform) เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและโปร่งใส

นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยถึงการดำเนินงานตามนโยบาย QUICK BIG WIN ที่มุ่งเร่งผลลัพธ์ภายใน 1 ปี ว่า  QUICK จะมีการปรับลดขั้นตอน และเร่งรัดการอนุญาตด้วย Digital License Platform ให้การขออาชญาบัตรสำรวจแร่และประทานบัตรทำได้รวดเร็ว โปร่งใส และติดตามสถานะออนไลน์ 

,BIG จะมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว ส่งเสริม Circular Economy และ Green Transformation รวมถึงเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศอุตสาหกรรมครบวงจร 

และ WIN เชื่อมโยงแร่เข้าสู่กระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ยานยนต์ EV พลังงานสะอาด เซมิคอนดักเตอร์ และกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างงาน การลงทุน และการเติบโตร่วมกันในการขับเคลื่อนระยะยาว 

ทั้งนี้ กพร. ดำเนินการตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 2 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นกรอบสำคัญครอบคลุม 4 มิติ ได้แก่ 1.ความมั่นคงของแร่ในฐานะวัตถุดิบ ,2.ความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และชุมชน ,3.ความมั่นคงด้านธรรมาภิบาล และ 4.ความมั่นคงด้านการให้บริการ รวมถึงการยกระดับสู่ e-Service และการพัฒนาศักยภาพบุคลากร 

เปิดนโยบาย ‘QUICK BIG WIN’ กพร. ดันแร่เข้าอุตฯ EV-เซมิคอนดักเตอร์

“กพร. จะมุ่งขับเคลื่อนการบริหารจัดการแร่ของประเทศให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมมีวัตถุดิบที่มั่นคง ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างประโยชน์ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน” 

ด้านผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ กพร. นั้น ในช่วง 3 ไตรมาสแรก กพร. มีการอนุญาตและส่งเสริมการประกอบกิจการเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาครอบคลุมโครงการสำคัญในพื้นที่แร่ยุทธศาสตร์ และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานให้เข้มแข็ง ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานภาคอุตสาหกรรมด้วยระบบดิจิทัล ผลักดันแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อลดระยะเวลาในการขออนุญาต เพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแล และยกระดับความรวดเร็ว โปร่งใสในการดำเนินงาน 

รวมถึงส่งเสริมการใช้แร่เชิงกลยุทธ์ (Strategic Minerals) เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่และการลงทุนในมิติความยั่งยืน ขับเคลื่อนเหมืองแร่เพื่อชุมชน และเหมืองแร่สีเขียวส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีความรับผิดชอบต่อชุมชนรอบเหมือง 

อีกทั้งยังมีการจัดสรรเงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐ 457 ล้านบาท กระจายสู่ 130 ชุมชน 43 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งปีนี้ได้ดำเนินการจัดสรรไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 

นอกจากนี้ ยังผลักดันแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยทำงานร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สนับสนุนการรีไซเคิลซากแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 5,815 ตันต่อปี และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 145 ล้านบาท