KEY
POINTS
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจในสัปดาห์หน้า จะเสนอวาระให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องการลงทุนเพื่ออนาคต เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ได้แก่
โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 100,000 คน ภายใน 4 เดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มทักษะให้คนไทยเพื่อให้ทันต่อโลกยุคใหม่ที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป โดยใช้เงินจาก กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน มาใช้ในการรีสกิล (Reskill) หรืออัปสกิล (Upskill) ให้กับแรงงานไทย เช่น การเทรนคนในอุตสาหกรรมยานยนต์ระบบสันดาปให้สามารถทำงานกับรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นต้น
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะร่วมมือกับภาคเอกชนในการกำหนดมาตรฐานทักษะที่ตลาดต้องการ และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการจัดทำหลักสูตรระยะสั้น โดยจะเป็นการจ้างให้มาฝึกอบรม เพื่อเสริมทักษะแก่คนงาน
มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในการปรับตัวเข้าสู่โลกยุคใหม่ โดยจะใช้เงินส่วนที่เหลืออยู่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ในกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ทั้งนี้ จะมอบเงินอุดหนุนให้แก่เอสเอ็มอี เพื่อปรับเปลี่ยนโรงงานและการผลิตของตนเองให้ใช้ ระบบอัตโนมัติ (Automation) มากขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิตและช่วยในการเปลี่ยนผ่าน (Transform) สู่โลกยุคใหม่
โครงการนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของการลงทุนเพื่ออนาคต และ เป็นโครงการที่ไม่ต้องใช้งบประมาณ ซึ่งจะใช้มติ ครม. เพื่อปลดล็อกกฎระเบียบและกระบวนการต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อนักลงทุนที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจาก BOI แล้ว และพร้อมที่จะลงทุน
สำหรับปัจจุบัน มีโครงการลงทุนของ BOI ที่พร้อมจะลงทุนรอการปลดล็อกอยู่ประมาณ 470,000 ล้านบาท ในธุรกิจต่างๆ โดยคาดว่าเม็ดเงินประมาณ 300,000 ล้านบาท จะสามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ในปีหน้าทันที หากมีการปลดล็อก
“Fast Pass จะช่วยร่นระยะเวลาในการขออนุญาตต่างๆ เช่น การขอวีซ่าจากกระทรวงต่างประเทศ การขออนุญาตเข้าเมือง (ตม.) รวมถึงการปลดล็อกปัญหาเรื่อง น้ำและไฟ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อ Data Center ที่รอการลงทุนอยู่เป็นจำนวนมาก”
ทั้งนี้ BOI จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง (รวมศูนย์) และกำหนดให้หน่วยงานต่างๆ ต้องอนุมัติภายในเวลาที่จำกัด และกลไก Fast Pass นี้ไม่เพียงแต่แก้ปัญหาระยะสั้น แต่จะถูกนำไปเสนอต่อคณะกรรมการชุดของอาจารย์บวรศักดิ์ที่เกี่ยวข้องกับ Regulatory Guillotine เพื่อนำไปสู่การแก้ไขกฎกระทรวงและระเบียบต่างๆ อย่างถาวรด้วย