'เอกนิติ' ยันลุยตามกฎหมาย เก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป 'ทักษิณ' 1.76 หมื่นล้าน

19 พ.ย. 2568 | 08:46 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2568 | 02:26 น.

'เอกนิติ' สั่งสรรพากรลุยตามกฎหมาย เก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป 'ทักษิณ' 1.76 หมื่นล้าน ด้าน 'สรรพากร' รอคำพิพากษาฉบับทางการ เตรียมส่งหนังสือเตือนชำระหนี้ ภายใน 2 สัปดาห์

KEY

POINTS

  • กรมสรรพากรยืนยันเดินหน้าตามกฎหมายเพื่อเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปจากนายทักษิณ ชินวัตร จำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลฎีกา
  • ขั้นตอนต่อไปคือการส่งหนังสือแจ้งเตือนให้นายทักษิณชำระหนี้ หากไม่ชำระจะดำเนินการสืบทรัพย์ ยึด หรืออายัดทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศ
  • กระบวนการยึดอายัดทรัพย์สินสามารถดำเนินการได้ต่อเนื่องอีก 10 ปี และหากยังชำระหนี้ไม่ครบถ้วน กรมสรรพากรจะดำเนินการฟ้องล้มละลายต่อไป

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีศาลฎีกาพิพากษากลับในคดีภาษีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องจ่ายภาษีจากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท ว่า ยังไม่ได้รับการรายงานเรื่องดังกล่าวจากกรมสรรพากร แต่มีนโยบายให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวตามกระบวนการขั้นตอนกฎหมาย

“ตอนนี้ยังไม่ได้รับการรายงานจากกรมสรรพากร แต่ยืนยันว่า นโยบายในการเดินหน้าเรื่องดังกล่าว จะเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย”

ขณะที่แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรมสรรพากรพร้อมปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายปกติ และคำพิพากษาของศาลอย่างเคร่งครัด โดยหลังจากนี้กรมสรรพากร จะรอรับคำพิพากษาฉบับทางการจากอัยการ และขั้นตอนหลังจากนั้นภายใน 2 สัปดาห์ หรืออย่างช้าไม่เกินสิ้นเดือนพ.ย.68 นี้ ในทางปฏิบัติ กรมสรรพากรจะมีหนังสือแจ้งเตือนส่งให้นายทักษิณ เพื่อชำระหนี้อีกครั้งหนึ่งตามระเบียบ 

ทั้งนี้ หากมีการชำระหนี้ครบก็จะจบคดีด้วยดี แต่หากชำระไม่ครบถ้วน หรือไม่ชำระ กรมสรรพากรก็จะดำเนินการสอบสวนทรัพย์  ยึด หรืออายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมทำคู่ขนานกันไป  หลังจากที่ได้มีการประเมินภาษีไปแล้ว โดยจะครอบคลุมทั้งอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ เงินสด และสิทธิ์ที่เรียกต่างๆ เช่น หุ้น และบัญชีเงินฝาก 

นอกจากนี้ จะใช้ข้อตกลงแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินทั่วโลกกับ 113 ประเทศภาคี ทำการตรวจสอบบัญชีเงินฝาก หุ้น หรือกองทุนที่อยู่ต่างประเทศ เพื่อให้ทราบทรัพย์สินในต่างประเทศด้วย

“กรมสรรพากร ยืนยันว่าได้ดำเนินการทุกอย่างด้วยความเป็นธรรม ตามอำนาจหน้าที่และกฎหมาย โดยไม่ได้ถูกแทรกแซงโดยทางการเมือง ทั้งนี้ กรมต้องการให้สังคมรับรู้หลักการทำงาน ว่าได้ยึดหลักความเท่าเทียม ไม่มีการเลือกปฏิบัติโดยทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน“

สำหรับกระบวนการสืบสวน ยึดอายัด ขายทอดตลาด กรมได้ดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ ปี 2563 และระหว่างนี้ก็สามารถทำเพิ่มเติมได้ต่อเนื่อง ไปอีก 10 ปี จนกว่าจะครบกำหนดอายุ ในปี 2578 และท้ายสุดหากยังไม่สามารถชำระหนี้ได้ครบ กรมสรรพากรมีหน้าที่ต้องฟ้องร้องเป็นบุคคลล้มละลายต่อไป