การถกเถียงเรื่องการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มกลับมาอีกครั้ง หลังรัฐบาลส่งสัญญาณว่า ภายในปี 2571 อาจมีการขยับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 7% เป็น 8.5% และอาจทยอยขึ้นไปแตะระดับ 10% ตามแผนในปี 2573 ล่าสุด แสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ให้สัมภาษณ์ภายในรายการ 'ฐานทอล์ค' ว่า การประกาศแผนล่วงหน้าเป็น 'เรื่องที่ดี' เพราะช่วยให้ภาคเอกชนและประชาชนสามารถเตรียมความพร้อมได้ แต่การจะเดินหน้าเก็บ VAT เพิ่มให้สำเร็จ รัฐต้องแก้ปัจจัยสำคัญ 5 ประการควบคู่กันไป
เงื่อนไขที่ 1 ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังขยายตัวต่ำ
เงื่อนไขที่ 2 การดึงผู้ประกอบการนอกระบบเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
เงื่อนไขที่ 3 ปัญหาธุรกิจนอกระบบ ทุนเทา และนอมินี
เงื่อนไขที่ 4 การแก้ปัญหาคอร์รัปชันในงบประมาณแผ่นดิน
เงื่อนไขที่ 5 โครงสร้างงบประมาณที่ใช้กับรายจ่ายประจำสูงถึง 80%
"หากรัฐสามารถแก้ 5 ประเด็นนี้ได้ก่อนถึงปี 2571 ความเป็นไปได้ของการปรับ VAT เป็น 8.5% และการเดินหน้าไปสู่ระดับ 10% ในปี 2573 จะสูงขึ้น รัฐต้องแสดงให้ประชาชนเห็นว่า ภาษีที่จัดเก็บเพิ่มเติมจะถูกใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งจะทำให้คนไทยยอมรับการขึ้นภาษีมากขึ้น"
ขณะเดียวกัน แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญความตึงเครียด สงครามการค้า และจีดีพีไทยยังโตต่ำ แต่รัฐบาลกำลังมุ่งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะช่วยให้กำลังซื้อกระจายตัวและทำให้เศรษฐกิจโดยรวมขยับขึ้นได้
เมื่อถามถึงไทม์ไลน์อีกประมาณ 2 ปีก่อนการขึ้น VAT เป็น 8.5% แสงชัยระบุว่า ภาคเอสเอ็มอีได้หารือกับหน่วยงานรัฐมาเป็นระยะ และจะยังคงผลักดันมาตรการที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ พร้อมเสนอแนวทางให้ภาครัฐสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทย 'กระตุ้นสั้น ดันยาว' เติบโตได้ต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงยกระดับเกษตรกรให้เป็น 'ผู้ประกอบการเกษตร' เพื่อแก้ปัญหารายได้และคุณภาพชีวิตในระยะยาว
ท้ายที่สุด แสงชัยสรุปว่า หากรัฐบาลตั้งใจแก้ปัญหาที่เป็นข้อกังวลเหล่านี้ได้จริง การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มก็ไม่ใช่สิ่งที่ภาคเอสเอ็มอีคัดค้าน แต่ประชาชนต้องมั่นใจว่า ทุกบาทของภาษีที่เพิ่มขึ้นจะถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และส่งเสริมการเติบโตของภาคเอกชนและเอสเอ็มอีอย่างแท้จริง.