นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีบทบาทสำคัญในการดำเนินนโยบายการคลังภายใต้แนวคิด “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” หรือ “Quick Big Win” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ดีขึ้นทั้งในระยะสั้นและยังคำนึงถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีความยั่งยืนในระยะยาว
โดยกำหนดการดำเนินงานเป็น 5 เสาหลัก ประกอบด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังควรติดตามปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด อาทิ
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.4 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.9 ถึง 2.9) ปรับเพิ่มจากประมาณการครั้งก่อนที่ร้อยละ 2.2 ต่อปี (ณ กรกฎาคม 2568) เนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายปีที่คาดว่าจะกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้ขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 4 ของปี 2568
และภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 3.0 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.5 ถึง 3.5) โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น โครงการ "คนละครึ่ง พลัส" ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2568
ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 10.0 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 9.5 ถึง 10.5) จากการเร่งส่งออกของภาคเอกชนตลอดทั้งปี โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาเเละตลาดจีนในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ที่ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 26.4 เเละ 10.8 ในสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เเละผลิตภัณฑ์ยางเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ การบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 0.8 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.3 ถึง 1.3) การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 5.6 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5.1 ถึง 6.1) และการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าขยายตัวที่ร้อยละ 1.7 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.2 ถึง 2.2)
ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ร้อยละ -0.2 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ-0.7 ถึง 0.3) ลดลงจากประมาณการครั้งก่อน เนื่องจากราคาพลังงานลดลงจากทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงตามนโยบายของภาครัฐและราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวลดลง สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะเกินดุล 20.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 3.5 ของ GDP
สำหรับในปี 2569 กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวชะลอลงที่ร้อยละ 2.0 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.5 ถึง 2.5) เนื่องจากมีการเร่งส่งออกในปี 2568 เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการภาษีการค้าของสหรัฐเป็นสำคัญ โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะหดตัวที่ร้อยละ -1.5 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ -2.0 ถึง -1.0)