คลังเกาะติด 5 ปัจจัยเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจ คาดปีนี้จีดีพีโต 2.4%

02 พ.ย. 2568 | 12:11 น.
อัปเดตล่าสุด :02 พ.ย. 2568 | 12:15 น.

คลังพร้อมลุย Quick Big Win เกาะติด 5 ปัจจัยเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจ คาดปีนี้จีดีพีโต 2.4% ฝั่งปีหน้า ประมาณการโตเพียง 2

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีบทบาทสำคัญในการดำเนินนโยบายการคลังภายใต้แนวคิด “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” หรือ “Quick Big Win” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ดีขึ้นทั้งในระยะสั้นและยังคำนึงถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีความยั่งยืนในระยะยาว 

โดยกำหนดการดำเนินงานเป็น 5 เสาหลัก ประกอบด้วย 

  1. การกระตุ้นเศรษฐกิจ
  2. การลดภาระประชาชน โดยเฉพาะการแก้หนี้เสียภาคครัวเรือน (NPL)
  3. การส่งเสริมธุรกิจ SMEs
  4. เพิ่มการออมภาคประชาชน
  5. การลงทุนเพื่ออนาคต 

อย่างไรก็ตาม ยังควรติดตามปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด อาทิ 

  1. นโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ และผลกระทบทางอ้อมจากการไหลเข้าของสินค้าจากประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษีที่ย้ายตลาดเข้าสู่ไทยมากขึ้น
  2. ทิศทางของการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
  3.  ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
  4. ระดับหนี้ครัวเรือนของภาคประชาชนและ SMEs
  5. การย้ายฐานการลงทุนและการผลิตในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.4 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.9 ถึง 2.9) ปรับเพิ่มจากประมาณการครั้งก่อนที่ร้อยละ 2.2 ต่อปี (ณ กรกฎาคม 2568) เนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายปีที่คาดว่าจะกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้ขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 4 ของปี 2568 

และภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 3.0 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.5 ถึง 3.5) โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น โครงการ "คนละครึ่ง พลัส" ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2568 

ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 10.0 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 9.5 ถึง 10.5) จากการเร่งส่งออกของภาคเอกชนตลอดทั้งปี โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาเเละตลาดจีนในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ที่ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 26.4 เเละ 10.8  ในสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เเละผลิตภัณฑ์ยางเป็นสำคัญ

นอกจากนี้ การบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 0.8 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.3 ถึง 1.3) การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 5.6 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5.1 ถึง 6.1) และการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าขยายตัวที่ร้อยละ 1.7 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.2 ถึง 2.2) 

ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ร้อยละ -0.2 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ-0.7 ถึง 0.3) ลดลงจากประมาณการครั้งก่อน เนื่องจากราคาพลังงานลดลงจากทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงตามนโยบายของภาครัฐและราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวลดลง สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะเกินดุล 20.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 3.5 ของ GDP 

สำหรับในปี 2569 กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวชะลอลงที่ร้อยละ 2.0 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.5 ถึง 2.5) เนื่องจากมีการเร่งส่งออกในปี 2568 เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการภาษีการค้าของสหรัฐเป็นสำคัญ โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะหดตัวที่ร้อยละ -1.5 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ -2.0 ถึง -1.0)