ครม. ถกใหญ่คลอดแพ็คเกจภาษีกระตุ้นท่องเที่ยว-เร่งเบิกจ่าย 4 ล้านล้าน

20 ต.ค. 2568 | 23:00 น.

วาระครม. วันนี้ 21 ต.ค.68 ถกมาตรการใหญ่ เตรียมคลอดแพ็คเกจภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยว 4 มาตรการ พร้อมเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ 4 ล้านล้านบาท ประคองเศรษฐกิจ

KEY

POINTS

  • ครม. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ ประกอบด้วย 4 มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ
  • ให้สิทธิลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาสำหรับค่าที่พักและร้านอาหารสูงสุด 20,000 บาท โดยให้สิทธิประโยชน์เพิ่มในจังหวัดท่องเที่ยวรอง
  • ขยายเวลาลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสถานบันเทิงจาก 10% เหลือ 5% ต่อไปอีก 1 ปี และให้ผู้ประกอบการโรงแรมหักรายจ่ายค่าปรับปรุงกิจการได้ 2 เท่า
  • เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 และงบประมาณปีก่อนหน้า รวมวงเงินกว่า 4.1 ล้านล้านบาท เพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

วันนี้ (21 ตุลาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการ ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยการประชุมครั้งนี้ มีไฮไลท์ที่ต้องติดตามคือ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว 4 มาตรการ ครอบคลุมทั้งมาตรการภาษี การใช้จ่ายงบประมาณฝึกอบรม และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจ นัดแรก ที่ได้เห็นชอบไปเรียบร้อยแล้ว

สำหรับ 4 มาตรการมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ประอบด้วย

1.มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว 

เป็นมาตรการภาษี สำหรับผู้มีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถนำค่าใช้จ่ายที่พักในโรงแรม โฮมสเตย์ไทย หรือสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม และค่าบริการร้านอาหารที่จ่ายให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม มาหักลดหย่อนได้สูงสุด 20,000 บาท

โดยอัตราการลดหย่อนท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวรอง 55 จังหวัด และบางอำเภอใน 15 จังหวัด ลดหย่อนได้ 1.5 เท่า ส่วนจังหวัดอื่นลดหย่อนได้ 1 เท่า มีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.- 15 ธ.ค.2568

2.มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม

โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งเบิกค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนาในส่วนของการพัฒนาบุคลากรไม่น้อยกว่า 60% ของวงเงินที่ตั้งไว้ เน้นเมืองท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวรองเป็นลำดับแรก และกำหนดให้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการปฏิบัติราชการ (KPI) ประจำปีงบประมาณ 2569 ของหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีระยะเวลาดำเนินการเดือน ต.ค. 2568 - ม.ค. 2569

3.มาตรการภาษี ขยายระยะเวลาปรับลดอัตราภาษีสถานบันเทิง 

ขยายเวลาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตจาก 10 %เป็น 5 % ออกไปอีก 1 ปี สำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ประเภทที่ 17.01 ได้แก่ ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ บาร์ ค็อกเทลเลาจน์ รวมถึงสถานที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จัดให้มีการแสดงดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง ซึ่งปิดทำการหลังเวลา 24.00 น. มาตรการนี้จะส่งผลให้กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ภาษีลดลง 219.55 ล้านบาทต่อปี มีระยะเวลาดำเนินการวันที่ 1 ม.ค. - 31 ธ.ค. 2569

4.มาตรการเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พัก

โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการโรงแรม หักรายจ่ายการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการได้ 2 เท่า แต่ไม่ใช่การซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม) โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้เป็นจำนวน 100 % ของรายจ่ายดังกล่าว มีระยะเวลาดำเนินการวันที่ 29 ต.ค. 2568 - 31 มี.ค. 2569

ขณะที่มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เป็นการกระตุ้นการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้มีเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ และช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2568 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569 โดยมีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 3,780,600 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.รายจ่ายประจำ จำนวน 2,918,863.71 ล้านบาท 2.รายจ่ายลงทุน จำนวน 861,736.29 ล้านบาท 

ทั้งนี้เมื่อรวมเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 อีกจำนวน 320,996.41 ล้านบาท จะทำให้มีงบประมาณที่หน่วยงานของรัฐจะต้องดำเนินงาน รวมกันเป็นวงเงินทั้งสิ้น 4,101,596.41 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงาน Maha Loi Krathong World Event ในเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2568 ณ จังหวัดสุโขทัย และพระนครศรีอยุธยา และงาน Vijit Chao Phraya 2025 ในเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2568 ณ บริเวณสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพฯ