รัฐบาลวางแผนปั๊มเงิน 4 ล้านล้าน ประคองเศรษฐกิจไทย ปี 68-69

19 ต.ค. 2568 | 23:00 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ต.ค. 2568 | 02:22 น.

คลังเตรียมเสนอครม. พรุ่งนี้ เคาะมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ปี 2569 พร้อมวางแผนปั๊มเงิน 4 ล้านล้านบาท ช่วงประคองเศรษฐกิจไทย ปลายปี 68 ต่อเนื่องถึงปีหน้า

KEY

POINTS

  • รัฐบาลเตรียมอัดฉีดเงินกว่า 4.1 ล้านล้านบาท เพื่อกระตุ้นและพยุงเศรษฐกิจไทยในช่วงปี 2568-2569 ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง
  • วงเงินดังกล่าวมาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 และงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีของปี 2568
  • มาตรการหลักคือการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ โดยมีการตั้งเป้าหมายการเบิกจ่ายที่ชัดเจน

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์นี้ เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐใช้เป็นแนวทางดำเนินการให้สอดคล้องกับเป้าหมายในภาพรวมของประเทศ ภายหลังจากมาตรการดังกล่าว ได้นำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธาน เห็นชอบแล้ว โดยมีวงเงินรวมกว่า 4.1 ล้านล้านบาท 

ทั้งนี้กระทรวงการคลัง รายงานว่า การจัดทำมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจไทย ในปี 2568 กำลังชะลอตัว โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวอยู่ที่ 2.8% ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวอยู่ที่ 3.2% 

โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของนโยบายภาษีสหรัฐอเมริกาความผันผวนเศรษฐกิจโลก รวมทั้งปัญหาภายในประเทศ เช่น หนี้ครัวเรือนสูง กำลังซื้อและสภาพคล่องลงลง และคาดการณ์ไตรมาสที่ 3-4 อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจะลดลงมาอยู่ที่ 1.7% และ 0.3% ตามลำดับ

ดังนั้น ภาครัฐจึงต้องมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอก กระตุ้นการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้มีเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ และช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2568 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569 โดยมีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 3,780,600 ล้านบาท ประกอบด้วย 

1.รายจ่ายประจำ จำนวน 2,918,863.71 ล้านบาท 2.รายจ่ายลงทุน จำนวน 861,736.29 ล้านบาท และเมื่อรวมเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 อีกจำนวน 320,996.41 ล้านบาท จะทำให้มีงบประมาณที่หน่วยงานของรัฐจะต้องดำเนินงาน จำนวนทั้งสิ้น 4,101,596.41 ล้านบาท

สำหรับมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 มีรายละเอียดดังนี้

1. เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ให้หน่วยงานของรัฐเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่ก่อหนี้ผูกพันแล้ว ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สำหรับเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่อยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 และเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

2. เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 กระทรวงการคลังเห็นควรกำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เช่น กำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายภาพรวมไม่น้อยกว่า 93% การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำไม่น้อยกว่า 98% การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่า 75% และการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายภาพรวม รายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน 100%

ทั้งนี้มีแนวทางให้หน่วยรับงบประมาณดำเนินการ เช่น ต้องดำเนินการหรือเบิกจ่ายโดยสำนักงานในส่วนภูมิภาค ให้หน่วยรับงบประมาณเร่งดำเนินการส่งเงินจัดสรรต่อไปยังสำนักงานในส่วนภูมิภาค ภายใน 5 วันนับแต่วันที่ได้รับอนุมัติเงินจัดสรร 

ขณะที่รายจ่ายลงทุนรายการปีเดียวที่เป็นการซื้อครุภัณฑ์ให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันและการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 สำหรับรายการที่เป็นการจ้าง ให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 และก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จทุกรายการภายในไตรมาสที่ 2 ส่วนรายจ่ายลงทุนรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 

อย่างไรก็ตามคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ได้ยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ส่วนการเบิกจ่ายเงินให้หน่วยรับงบประมาณปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2562 ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 5 วันทำการ

พร้อมกันนี้ยังกำหนดให้หัวหน้าหน่วยรับงบประมาณรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของงบประมาณรายจ่ายลงทุน ระบุปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขต่อกรมบัญชีกลางภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และให้นำผลการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณและการเบิกจ่ายงบประมาณไปใช้ประกอบการพิจารณาในการประเมินผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้าหน่วยรับงบประมาณด้วย และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 ให้สอดคล้องกับศักยภาพของหน่วยงาน

ส่วนมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ กำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจไม่น้อยกว่า 95% ของกรอบงบลงทุน และขอให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจพิจารณากำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในระดับไม่น้อยกว่า 95% เป็นตัวชี้วัดของผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ พร้อมกันนี้ยังขอความร่วมมือให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการ ดังต่อไปนี้

1. รายจ่ายลงทุนรายการปีเดียวที่เป็นการซื้อครุภัณฑ์ ให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันและการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 สำหรับรายการที่เป็นการจ้าง ให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 และก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จทุกรายการภายในไตรมาสที่ 2

2. รายจ่ายลงทุนรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2

3. งบลงทุนที่เสนอขอใหม่ในปีบัญชี 2569 ให้เตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถลงนามสัญญาได้ทันทีเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณ

อย่างไรก็ตามให้รัฐวิสาหกิจพิจารณาเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เร็วขึ้น โดยปรับเพิ่มแผนการเบิกจ่ายในช่วงไตรมาสที่ 1 - 2 ของปีบัญชี 2569 (Front - Loaded) เพื่อหลีกเลี่ยงการกระจุกตัว ของการเบิกจ่ายงบลงทุนในช่วงไตรมาสสุดท้าย รวมถึงเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนโดยเฉพาะงบลงทุน ที่ได้ผูกพันสัญญาไว้แล้ว และเร่งการเบิกจ่ายในส่วนของรายการนำเข้า (Import Content) เพื่อสนับสนุน ความสมดุลของกลไกการนำเข้า - ส่งออก ที่ส่งผลต่อค่าเงินบาทของไทยในขณะนี้

ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจ มีความประสงค์จะปรับปรุงงบลงทุนในระหว่างปีขอให้พิจารณาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1ของปีบัญชี 2569 ด้วย