KEY
POINTS
วันนี้ (14 ตุลาคม 2568) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ
โดยกรมบัญชีกลางได้รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ 2568 พบว่า มีงบเหลือจ่ายและขอกันเหลื่อมปีสูงเป็นกว่า 300,000 ล้านบาท โดยเฉพาะงบลงทุนที่สามารถเบิกจ่ายได้แค่ 65% เท่านั้น ทำให้ในปีงบประมาณ 2569 มีเงินเหลือจากปีก่อนมาใช้ในปีนี้จำนวนมาก
"ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ ได้สั่งให้เร่งการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดว่าหน่วยงานใดที่ของบเหลือจ่ายและมีทีโออาร์เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เร่งเบิกจ่ายให้เสร็จภายในไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2569 รือภายในเดือนมี.ค.2569 เพื่อดึงงบเก่าที่ใช้ไม่มีประสิทธิภาพมาฟื้นเศรษฐกิจ"
ขณะเดียวกันในการใช้จ่ายงบประมาณปี 2569 วงเงินกว่า 3.78 ล้านล้านบาท นั้น ได้มีข้อกำหนดว่าทุกส่วนราชการจะต้องเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ไม่ต่ำกว่า 93% เช่นเดียวกับงบลงทุน ต้องเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 75%
พร้อมกำหนดเงื่อนไขว่า จะตั้งเป็นตัวชี้วัด (KPI) ของหัวหน้าส่วนราชการด้วย ขณะที่เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ยังแจ้งว่า นอกจากการตั้งเป็น KPI แล้ว จะต้องติดตามความคืบหน้าเป็นรายเดือน เสนอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาด้วย
"นายกฯ ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะของกระทรวงมหาดไทยที่นายกฯ กำกับดูแล รวมไปถึงกระทรวงคมนาคมด้วย เพื่อให้งบ 3.78ล้านล้านบาท ใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการกำหนดเรื่องการทำทีโออาร์ต้องระบุว่าจะเสร็จภายในกี่วัน และเงินที่จะลงไปต้องลงไปภายใน 5 วันให้ได้"