‘ธนกร’ ตั้งทีมเต็มเหนี่ยวลุยปราบโรงงานเถื่อน-สินค้าผิดกฏหมาย

04 ต.ค. 2568 | 01:08 น.

‘ธนกร’ ตั้งทีมเต็มเหนี่ยวแทนสุดซอยลุยปราบโรงงานเถื่อนและสินค้าผิดกฏหมาย เน้นทำตามกติกา พร้มตรวจสอบสินค้าสวมสิทธิ์รับมือสงครามการค้า

KEY

POINTS

  • นายธนกร หวังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม ตั้งคณะทำงาน “เต็มเหนี่ยว” เพื่อปราบปรามโรงงานและสินค้าที่ผิดกฎหมาย
  • คณะทำงานจะใช้แนวทาง “ปิดและเปิดเร็ว” โดยสั่งปิดโรงงานที่ทำผิดกฎหมาย และจะอนุญาตให้เปิดใหม่ได้ทันทีเมื่อแก้ไขถูกต้อง
  • มีเป้าหมายกวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพที่ทะลักเข้าประเทศ โดยเฉพาะจากจีน และตรวจสอบสินค้าสวมสิทธิ์อย่างเข้มงวด

นายธนกร หวังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังร่วมกับจ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้นโยบายข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และนโยบายควิก บิ๊ก วิน (Quick Big Win)ของกระทรวงอุตสาหกรรมว่า ได้ตั้งคณะเต็มเหนี่ยวขึ้นมา เพื่อมาปราบโรงงาน และสินค้าผิดฎหมายต่างๆ 

ทั้งนี้ ลักษณะของการทำงานจะคล้ายกับทีมสุดซอย เนื่องจากที่ผ่านมาทำได้ดี แต่จะมีลักษณะแตกต่างกัน โดยคณะเต็มหนี่ยวจะเน้นกติกาถ้าโรงงานไหน ทำผิดกฎหมาย จะถูกสั่งปิด ถ้าแก้ไขถูกต้องแล้ว ก็จะให้กลับมาเปิดโรงงานโดยเร็ว จะไม่ไปปิดค้างไว้อย่างนั้น เพราะสร้างความเสียให้ให้กับผู้ประกอบการ 

รวมถึงจะเข้าไปตรวจสอบเข้มงวดสินค้าสวมสิทธิ์  เพื่อรับมือปัญหาเร่งด่วนจากสงครามการค้า และมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐ และได้หารือร่วมกับผู้บริหารธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) ให้เร่งเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการ  เร่งเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทันที เช่น ออกมาตรการสินค้าดอกเบี้ยต่ำ

‘ธนกร’ ตั้งทีมเต็มเหนี่ยวลุยปราบโรงงานเถื่อน-สินค้าผิดกฏหมาย

“เรื่องสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพทะลักเข้ามา มีข้อมูลตัวเลขอยู่ โดยสินค้าจากจีนที่ด้อยคุณภาพ ทะลักเข้ามาเยอะ ต้องดำเนินการจับกุมกวาดล้าง บังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัดที่สุด รวมทั้งให้กวดขัดเรื่องอ้อยไฟไหม้ ปีที่แล้วตัวเลขดีแล้ว ตัวนี้ก็จะดีขึ้น“

ส่วนเรื่องมาตรการลงทุน ได้ให้จ่าเอกยศสิงห์ เข้าไปดูเรื่องตัวเลขการลงทุนว่าเหตุใดนักลงทุนขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) แล้ว แต่ทำไมยังไม่เริ่มลงทุน ให้ไปดูว่า มีอุปสรรคหรือติดขัดอะไรหรือไม่อย่างไร จะได้เข้ามาช่วยกันแก้ไข เพื่อให้มีปริมาณเงินลงทุนเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 

ขณะแนวทางการออกใบอนุญาตโรงงานต่างๆ  ยังยึดแนวปฏิบัติหลักกฎหมายเป็นหลัก โดยต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง

สำหรับนโยบายหลักการทำงานขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย จะทำงานภายใต้กรอบฝ่า-ฟัน-ดึง-ดัน ได้แก่

  • ฝ่า รับมือปัญหาเร่งด่วนจากสงครามการค้าและมาตรการภาษีตอบโต้ เร่งช่วยเหลือเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบ เสริมสภาพคล่องด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำรายละ 1 ล้านบาท ปกป้องจากการทุ่มตลาด และยกระดับระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าแบบดิจิทัล เพื่อให้แข่งขันได้อย่างโปร่งใสและยั่งยืน 
  • ฟัน จัดระเบียบอุตสาหกรรมอย่างเด็ดขาด ด้วยการปราบปรามโรงงานเถื่อน การลักลอบนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน และการทิ้งกากอุตสาหกรรม พร้อมบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด ควบคู่กับการยกระดับมาตรการสิ่งแวดล้อม ให้โรงงานติดตั้งระบบตรวจสอบมลพิษเรียลไทม์ ลดการเผาอ้อยผ่านการสนับสนุนเกษตรกร และพัฒนาระบบจัดการกากอุตสาหกรรมให้โปร่งใสและยั่งยืน

‘ธนกร’ ตั้งทีมเต็มเหนี่ยวลุยปราบโรงงานเถื่อน-สินค้าผิดกฏหมาย

  • ดึง เงินลงทุน เดินหน้าดึงเม็ดเงินลงทุนด้วย 2 แนวทางหลัก คือ ขับเคลื่อนบีซีจี  และพลังงานสะอาด ยกระดับภาคการผลิตไทยสู่มาตรฐานสากล ลดคาร์บอน ลดต้นทุนพลังงาน และเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ผ่านมาตรการสำคัญ เช่น อุตสาหกรรมคาร์บอนเป็นศูนย์ปี 73  โครงการโซลาร์รูฟท็อป และตลาดคาร์บอนอุตสาหกรรม ควบคู่กับการ สร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ทันสมัยและโปร่งใส ด้วยการปรับปรุงกฎระเบียบ ลดขั้นตอน เอื้อต่อธุรกิจ ส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงานและดิจิทัล และผลักดันกฎหมายสำคัญ เช่น พ.ร.บ. การจัดการกากอุตสาหกรรม และ พ.ร.บ. มอก. เพื่อสร้างระบบการผลิตที่รัดกุม ยั่งยืน และแข่งขันได้ในเวทีโลก 
  • ดัน วางรากฐานสู่อุตสาหกรรมอนาคต สนับสนุนเอสเอ็มอี เข้าถึงเทคโนโลยีและพัฒนาทักษะแรงงาน ผลักดันอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ดิจิทัล เอไอ (AI) เซมิคอนดักเตอร์ และอาหารแห่งอนาคต–ชีวเศรษฐกิจ ควบคู่กับอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์อย่างการแพทย์ เทคโนโลยีสุขภาพ และปาล์มน้ำมัน

จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รมช.อุตสาหกรรม กล่าวว่า จะเน้นลงพื้นที่เพื่อดูแลนิคมอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันไม่ให้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในชุมชน จะกำชับให้หัวหน้าสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ ต้องร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนในพื้นที่ที่มีการโรงงานอุตสาหกรรมที่เสี่ยงต่อมลภาวะต้องตรวจสอบการทำงานของโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มข้น เป็นการป้องกันปัญหาล่วงหน้า

‘ธนกร’ ตั้งทีมเต็มเหนี่ยวลุยปราบโรงงานเถื่อน-สินค้าผิดกฏหมาย

นโยบายหลักของตนคือการปิดและเปิดเร็ว คือ หากมีการกระทำผิดมีการปล่อยมลพิษก็ต้องถูกสั่งปิดทันที จากนั้นจะต้องแก้ไขให้ถูกต้อง ก็จะพิจรณาให้เปิดใหม่ได้ทันที แต่หากไม่สามารถแก้ไขได้ก็ต้องปิดกิจการตามกฏหมายเช่นกัน