ผ่ามุมมอง 'ภาษีย้อนหลัง' เสียงสะท้อนพ่อค้าแม่ค้า ถึงนโยบายคนละครึ่ง

29 ก.ย. 2568 | 05:20 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ก.ย. 2568 | 05:45 น.

รายงานพิเศษ : สำรวจมุมมองพ่อค้า-แม่ค้า มีทั้งคนที่กังวลและไม่กังวลกับ 'ภาษีย้อนหลัง' จากการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส ของรัฐบาลอนุทิน ที่เตรียมปัดฝุ่นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

KEY

POINTS

  • พ่อค้าแม่ค้ามีมุมมองต่อโครงการคนละครึ่งที่แตกต่างกัน โดยประเด็นหลักที่สร้างความกังวลคือเรื่องการถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง
  • ผู้ค้ากลุ่มที่เคยเข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่สนับสนุนนโยบายนี้ เพราะมองว่าช่วยกระตุ้นยอดขายและดึงดูดลูกค้าได้จริง และไม่กังวลเรื่องภาษี
  • ขณะที่ผู้ค้าอีกกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะรายย่อยและผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วม ยังคงลังเลและกังวลเรื่องความยุ่งยากของระบบ รวมถึงความเสี่ยงที่จะถูกเก็บภาษีย้อนหลัง

"โครงการคนละครึ่ง" ซึ่งกำลังจะกลับมาในชื่อใหม่ “คนละครึ่ง พลัส” หรือ “คนละครึ่งเฟส 6" เป็นหนึ่งในนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่แถลงฉายภาพให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่การบริหารราชการแผ่นดินภายใต้สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความไม่แน่นอนรอบด้าน ทั้งในทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และภูมิรัฐศาสตร์ของโลก

โดยมองว่าปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อโอกาสในการสร้างรายได้ของประชาชนและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน จึงจำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหาภัยด้านเศรษฐกิจที่ประเทศกำลังเผชิญ

วาระเร่งด่วนด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลคือการ สร้างรายได้และลดรายจ่ายให้กับประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งถือเป็นมาตรการแบบ Quick Win เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะสั้น และกลไกสำคัญที่ถูกนำมาใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้คือ "โครงการคนละครึ่ง" 

โครงการคนละครึ่งที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วถึง 5 เฟสในช่วงวิกฤตโควิด ได้ถูกปัดฝุ่นอีกครั้งโดยมีเป้าหมายหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานราก และกระตุ้นยอดขายให้กับผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะกลุ่ม หาบเร่แผงลอย

ผ่ามุมมอง 'ภาษีย้อนหลัง' เสียงสะท้อนพ่อค้าแม่ค้า ถึงนโยบายคนละครึ่ง

โดยรัฐบาลได้เตรียมงบประมาณกลางปี 2569 จำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท รองรับโครงการนี้ไว้ และคาดว่าจะเริ่มใช้จ่ายได้เร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2568

ในฉบับใหม่นี้ มีการปรับเงื่อนไขเพื่อลดความยุ่งยากและเพิ่มแรงจูงใจ โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีมากกว่า

เช่น การเสนอปรับอัตราการสนับสนุนเป็น รัฐสนับสนุน 60:40 สำหรับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ขณะที่ภาคเอกชนยังเสนอให้เพิ่มเงินสนับสนุนรายวันจากเดิม 150 บาท เป็น 200 บาทต่อวัน และสำหรับผู้ลงทะเบียนรายเก่าที่เคยใช้แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ก็เพียงแค่ "กดยืนยันตัวตนบนแอปฯเป๋าตัง" ก็สามารถรับสิทธิได้ทันที

เสียงสะท้อนผู้ค้าที่ไม่กังวล 'ภาษีย้อนหลัง'

แม้จะมีข่าวดีด้านการปรับปรุงเงื่อนไขให้ดีขึ้น แต่การกลับมาของมาตรการนี้ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่หลากหลายจากพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่แนวหน้าของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งถูกสรุปได้ว่าเป็นการ “แบ่งรับแบ่งสู้”

ฐานเศรษฐกิจ ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นมุมมองของพ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการทั้งที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งมาก่อนและยังไม่เคยเข้าร่วม 

โดยพบว่า กลุ่มที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพวกเขาส่วนใหญ่มองว่าโครงการนี้ช่วย สร้างรายได้ และ ดึงดูดลูกค้า ให้มาใช้จ่ายบ่อยขึ้นจริง

คุณโอ๋ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ที่คอนโดเมืองทองธานี T1

คุณโอ๋ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ที่คอนโดเมืองทองธานี T1 แสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจนว่าโครงการนี้เป็นเรื่อง "ดี" และยืนยันว่า "เข้าร่วม" หากโครงการกลับมา เธอเชื่อว่าคนละครึ่งสามารถ "กระตุ้นยอดขายได้ในระดับหนึ่ง" โดยเธอยังรอฟังรายละเอียดของนโยบายใหม่อยู่

ขณะที่ นางสาวพรทิพ ปูนเข็ม เจ้าของร้านข้าวไข่เจียว ก็เป็นอีกเสียงที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยกล่าวว่า "ดีมากที่กลับมา" และยืนยันว่าจะเข้าร่วม

นางสาวพรทิพ ปูนเข็ม เจ้าของร้านข้าวไข่เจียว

พรทิพให้เหตุผลว่าโครงการนี้ "กระตุ้นเศรษฐกิจดี เข้าถึงประชาชนได้ดี พ่อค้าแม่ค้าเข้าถึงได้" พร้อมกับยกตัวอย่างว่าร้านน้องสาวของเธอที่เคยเข้าร่วมรอบที่แล้วมียอดขายที่ดีขึ้น มีลูกค้าเพิ่มขึ้น และลูกค้ากล้าซื้อของมากขึ้นเพราะจ่ายเพียงครึ่งเดียว

สิ่งสำคัญสำหรับเธอคือการได้ขายของ โดยเธอระบุว่า "ไม่กังวลเรื่องของภาษี" และเสนอว่า "อยากให้มีโครงการไปเรื่อยๆ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดีและโครงการยังสามารถเข้าถึงพ่อค้าแม่ค้าได้จริง"

นายสังขร งาสาร เจ้าของร้านน้ำชง 

ด้าน นายสังขร งาสาร เจ้าของร้านน้ำชง ซึ่งเคยเข้าร่วมโครงการมาแล้ว ก็เห็นว่าโครงการคนละครึ่งที่กลับมาเป็นสิ่งที่ดี และจะเข้าร่วมอีกครั้ง เพราะรอบที่แล้วทำให้ "ยอดขายดีขึ้น"

นายสังขรมีความกังวลเรื่องภาษีน้อยเพราะรอบที่แล้ว "ไม่ได้โดนเยอะ" แต่ก็เสนอความเห็นไปยังรัฐบาลว่า "ขอให้แต่พอดี ไม่ให้จนเกินไป เพราะถ้าเกินไปรัฐบาลก็จะแย่"

เสียงสะท้อนผู้ค้าที่ยังกังวล 'โดนภาษีย้อนหลัง'

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ค้ารายย่อยบางส่วน โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการ ยังคงมีความกังวลเดิม ซึ่งเป็นความท้าทายที่รัฐบาลต้องเข้ามาแก้ไข

นางสาววรรณภา จูมเป่า เจ้าของร้านข้าวแกง ที่คอนโดเมืองทองธานี T1 ยืนยันว่า เธอ "ไม่เคยเข้าร่วมเลย" และคง "ไม่ได้ร่วม" ในเฟสใหม่นี้ เหตุผลหลักที่ทำให้เธอเลือกที่จะไม่เข้าคือ

นางสาววรรณภา จูมเป่า เจ้าของร้านข้าวแกง ที่คอนโดเมืองทองธานี T1

เธอเห็นว่าโครงการ "มันยุ่งยาก แล้วอาจจะโดนภาษีทีหลัง" แม้เธอจะยอมรับว่าคนละครึ่งอาจช่วยยอดขายได้ "ส่วนหนึ่ง แต่ว่าก็น้อย" และการไม่เข้าร่วมอาจทำให้ "ทางเลือกมันก็น้อยลง" แต่เธอก็ยังคงตัดสินใจที่จะไม่เข้า

ส่วน นางสาวอนันต์ธนา ปุญธนพัฒณ์ เจ้าของร้านขายเครื่องดื่ม ที่คอนโดเมืองทองธานี T2 เธอยอมรับว่าโครงการคนละครึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยให้ร้านค้ามีรายได้เพิ่มขึ้นและกระตุ้นยอดขายได้ แต่เธอก็มีความกังวลเกี่ยวกับ "ภาษีย้อนหลัง" หากยอดขายไม่เยอะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เธอต้องคิดหนักอยู่ว่าจะเข้าร่วมโครงการดีหรือไม่ในครั้งนี้

นางสาวอนันต์ธนา ปุญธนพัฒณ์ เจ้าของร้านขายเครื่องดื่ม

ต้องติดตามว่านโยบายรัฐบาลอนุทิน ที่มีความมุ่งมั่นที่จะบริหารราชการแผ่นดินเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ควบคู่ไปกับการริเริ่มวางรากฐานประเทศ และสร้างระบบเศรษฐกิจที่ โปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืน โครงการ "คนละครึ่ง พลัส" จึงไม่ใช่เพียงแค่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นการบ้านชิ้นสำคัญที่รัฐบาลต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า การปรับปรุงเงื่อนไขใหม่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและลดความกังวลเรื่องภาระภาษีให้กับพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยเหล่านี้ได้จริง เพื่อให้มาตรการ Quick Win นี้สามารถขับเคลื่อนไปสู่ความอยู่ดีมีสุขของประชาชนชาวไทยได้อย่างเต็มที่