พาณิชย์ จ่อถอดทะเบียนหมื่นบริษัท ไร้วี่แววส่งงบการเงิน

23 ก.ย. 2568 | 06:54 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ย. 2568 | 06:57 น.

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตรียมขีดชื่อนิติบุคคลกว่าหมื่นบริษัทสู่สถานะ ‘ร้าง’ หลังไม่ส่งงบการเงิน ไม่ชำระบัญชี เตือนประชาชนหากจะติดต่อทำธุรกิจต้องเช็คให้ชัวร์ก่อน

วันนี้ (23 กันยายน 2568) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ออกประกาศสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร 2 ฉบับ (ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 และ 1 กันยายน 2568) เรื่อง จะขีดชื่อห้างหุ้นส่วนบริษัทออกจากทะเบียนจำนวน 9,343 ราย 

โดยเป็นนิติบุคคลที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 2 กรณี คือ 

1. ไม่ส่งงบการเงินติดต่อกันนาน 3 ปี นับจากปีปัจจุบันย้อนหลังลงไป ซึ่งเป็นเหตุให้เชื่อว่าไม่ได้ทำการค้าขายหรือประกอบการงานแล้ว มีจำนวน 7,032 ราย 

2. จดทะเบียนเลิก ห้างหุ้นส่วนบริษัทแล้วแต่ไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่ หรือไม่ได้จัดทำรายงานการชำระบัญชี หรือไม่ยื่นจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลา 3 ปี นับแต่เลิกห้างหุ้นส่วนบริษัท มีอยู่จำนวน 2,311 ราย 

สำหรับนิติบุคคลที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด กรมฯ ได้ประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดให้เร่งตรวจสอบ ก่อนดำเนินการแบบเดียวกัน

นางอรมน กล่าวว่า ขณะนี้กรมฯ ได้ประกาศรายชื่อนิติบุคคลที่จะทำการขีดชื่อผ่านทางเว็บไซต์ www.dbd.go.th หัวข้อ คู่มือทำธุรกิจ เลือกบริการข้อมูล เลือกจดทะเบียนธุรกิจ และเลือกประกาศถอนทะเบียนร้างและคืนสู่ทะเบียน ทั้งนี้ นิติบุคคล  ที่มีรายชื่อตามประกาศสามารถยื่นคำร้องชี้แจงต่อนายทะเบียนได้ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ออกประกาศ 

หากพ้นระยะเวลาที่กำหนด จะถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนและสิ้นสภาพนิติบุคคลทันที เว้นแต่จะแสดงเหตุให้เห็นเป็นอย่างอื่น เมื่อนิติบุคคลถูกเปลี่ยนเป็นสถานะร้างแล้ว จะไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ ได้อีกต่อไป แต่ความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้เป็นหุ้นส่วน กรรมการ ผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นยังคงมีอยู่และพึงเรียกบังคับได้ 

อย่างไรก็ตาม นิติบุคคลอาจคืนสู่ทะเบียนได้โดยการร้องขอต่อศาลภายใน 10 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียน ดังนั้น กรมฯ ขอกำชับให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อร่วมสร้างธุรกิจไทยให้มีความน่าเชื่อถือและมีข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องครบถ้วนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ

“ขอเตือนนิติบุคคลให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อลดภาระในการดำเนินธุรกิจทั้งการเสียเวลา ค่าใช้จ่าย และค่าปรับต่างๆ เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีด้านความโปร่งใสในการทำธุรกิจของประเทศไทย รวมไปถึงการปรับปรุงฐานข้อมูลนิติบุคคลที่ไม่มีสถานะในการทำธุรกิจแล้วให้เป็นปัจจุบันทุกปี จะช่วยตัดวงจรของการนำข้อมูลนิติบุคคลที่ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวทางธุรกิจ หรือนำชื่อไปแอบอ้างหลอกลวงประชาชนของกลุ่มมิจฉาชีพต่อไป” นางอรมน กล่าว