KEY
POINTS
วันนี้ (18 กันยายน 2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มอบหมายงานให้กับว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระพาณิชย์ ให้เตรียมมาตรการเพื่อทำให้การค้าคล่องตัวและราบรื่นที่สุด เพื่อไม่ให้ผู้ค้าเสียเปรียบ ทั้งการเจรจา สิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตร
"ไม่เฉพาะค้าขายกับต่างประเทศเท่านั้น การค้าขายในประเทศก็ต้องทำให้มีความคล่องตัวที่สูงลดความเดือดร้อน ของผู้ประกอบการ"
ปัจจุบันทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง ต้องทำงานควบคู่กัน ซึ่งตอนนี้ผู้ประกอบการรายเล็ก รายย่อย SME เผชิญปัญหาหนี้เก่า เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs)
อีกทั้ง ยังมีสินค้าค้างสต็อกจำนวนมาก และไม่สามารถผลิตต่อได้เนื่องจากขาดเงินทุนในการซื้อส่วนประกอบหรือวัตถุดิบ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ รัฐบาลจะหาแนวทางในการอัดฉีดเงินทุนเพื่อให้พวกเขามีกระแสเงินสด (cash flow)
อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนนี้จะพิจารณาให้กับ "ลูกค้าชั้นดี" ที่มีความตั้งใจที่จะผลิตสินค้าจริง ไม่ใช่เพียงนำเงินไปหมุนเวียนให้ผ่านไปวันๆ เป้าหมายคือการช่วยให้ผู้ประกอบการเหล่านี้สามารถนำเงินทุนไปต่อยอดและทำการค้าต่อไปได้ในระยะยาว
นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าวางรากฐานนโยบายระยะยาว ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจจะไม่ถอยหลัง การดำเนินการจะครอบคลุมทุกมิติ กระทรวงพาณิชย์จะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ทางการค้าต่างๆ ให้เกิดขึ้นกับประเทศไทยให้มากที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีแผนในการลดความเดือดร้อนของผู้ประกอบการโดยรวม สำหรับนโยบายโดยรวมนั้น ร่างนโยบายได้จัดทำเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว และมีการปรับแก้รายละเอียดเล็กน้อยให้สอดคล้องกับข้อหารือต่างๆ การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาจะเกิดขึ้นหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว
"การทำงานเราจะมุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ โดยไม่ยึดติดว่านโยบายนั้นมาจากแนวคิดของใคร หรือใครจะเป็นผู้ที่ได้รับเครดิต ทุกฝ่ายควรได้รับประโยชน์ หากนโยบายใดก่อให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม กับประเทศ และกับประชาชน รัฐบาลพร้อมที่จะผลักดันอย่างเต็ม"