พาณิชย์ คุมใบอนุญาตส่งออกสินค้า ล็อตใหญ่ 204 พิกัด เริ่มปี 69

22 ก.ย. 2568 | 05:55 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.ย. 2568 | 06:39 น.

กรมการค้าต่างประเทศ เตรียมบังคับใช้มาตรการใบอนุญาตส่งออก สำหรับสินค้าสองทาง (DUI) หมวด 0 ปี 69 ครอบคลุมสินค้า 204 พิกัด ป้องกันการนำไปใช้ผลิตอาวุธทำลายล้างสูง เสริมความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ

KEY

POINTS

  • กระทรวงพาณิชย์เตรียมบังคับใช้มาตรการใบอนุญาตส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (DUI) ที่เสี่ยงนำไปผลิตอาวุธนิวเคลียร์ (หมวด 0) โดยจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2569
  • การควบคุมในระยะแรกจะครอบคลุมสินค้าประมาณ 204 พิกัดศุลกากร เช่น เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แขนกล และยูเรเนียม
  • ผู้ส่งออกต้องตรวจสอบสินค้าผ่านระบบ e-Classification และยื่นขอใบอนุญาตผ่านระบบ e-DUI Licensing โดยกรมฯ จะพิจารณาจากผู้ซื้อและการใช้งานสุดท้ายเป็นหลัก
  • มีแผนขยายการควบคุมสินค้า DUI ให้ครบทั้ง 10 หมวดอย่างเป็นระยะ โดยจะเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2569 เป็นต้นไป

นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2569 กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าต่างประเทศ เตรียมเดินหน้าบังคับใช้มาตรการใหม่และเป็นมาตรการสำคัญ การเริ่มใช้มาตรการใบอนุญาตส่งออก (Export License) สำหรับสินค้าที่สามารถนำไปใช้เพื่อเป็นสินค้าปกติและใช้เป็นส่วนประกอบในอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD) ได้ด้วย ที่เรียกว่า สินค้าสองทาง ( DUI) ที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจสินค้าไทยในเวทีโลกและนักลงทุนต่างชาติว่าไทยยืนอยู่ข้างสันติภาพของโลก

ทั้งนี้ มาตรการที่ผู้ส่งออกไทยต้องรับทราบและเตรียมความพร้อม คือ การบังคับใช้มาตรการออกใบอนุญาต (Licensing) สำหรับการส่งออกและการส่งกลับสินค้าที่สามารถนำไปใช้เพื่อเป็นสินค้าปกติและจะสามารถใช้เป็นส่วนประกอบอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD) หรือ สินค้าสองทาง (DUI) ที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ (สินค้า DUI หมวด 0) เช่น เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ อุปกรณ์แขนกล และยูเรเนียมธรรมชาติ เป็นต้น โดยจะมีพิกัดศุลกากรที่เข้าข่ายต้องถูกควบคุมประมาณ 204 พิกัด (พิกัดระดับ 8 หลัก) ในการควบคุมตามมาตรการดังกล่าว 

ขณะเดียวผู้ส่งออกต้องตรวจสอบว่าสินค้าของตนเป็น DUI หมวด 0 หรือไม่ ผ่านระบบ e-Classification ของกรมฯ ที่ www.etcwmd.dft.go.th หากพบว่าเป็น DUI จะต้องยื่นขออนุญาตผ่านระบบ e- DUI Licensing ที่กรมการค้าต่างประเทศพัฒนาขี้นมาโดยเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ส่งออก พร้อมแนบเอกสารประกอบ เช่น หนังสือรับรองการใช้สุดท้าย และเอกสารการซื้อขายสินค้า

โดยปัจจัยสำคัญที่จะใช้ในการพิจารณาของกรมฯ คือ ผู้ซื้อและการใช้งานสุดท้ายของสินค้านั้นจะถูกใช้อย่างไร หรือ หลักการ KYC (Know Your Customer) นั่นเอง ทั้งนี้ ระบบ e-classification จะเริ่มเปิดระบบให้ผู้ประกอบการตรวจสอบได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 และผู้ประกอบสามารถยื่นขอใบอนุญาตผ่านระบบ e- DUI Licensing ได้ตั้งแต่ ช่วงเดือน ธ.ค. 2568 

"ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าในหมวดดังกล่าวจะต้องเข้ารับการตรวจสอบ และหากสินค้ามีคุณสมบัติที่สามารถนำไปใช้ในกิจการทางทหารได้ จะต้องดำเนินการขออนุญาตส่งออกอย่างเป็นทางการ" 

 

พาณิชย์ คุมใบอนุญาตส่งออกสินค้า ล็อตใหญ่ 204 พิกัด เริ่มปี 69

 

นายดวงอาทิตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฯ จะขยายกรอบการควบคุมอย่างแน่นอน ภายในไตรมาส 2 ปี 2569 โดยจะทำเป็นระยะๆ ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้และปรับตัวไปจนกระทั่งควบคุมครบทั้ง 10 หมวด

ของสินค้า DUI โดยจะประเมินรายการสินค้าอีกครั้ง จากสถานการณ์ด้านการส่งออกของไทยควบคู่ไปกับสถานการณ์ด้านความเสี่ยงด้านความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์  

ทั้งนี้ กรมฯ ได้หารือเป็นระยะกับภาคเอกชนซึ่งได้ให้การสนับสนุนการดำเนินการนี้อย่างเต็มที่ และกรมฯ จะจัดสัมมนาเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับมาตรการให้แก่ภาคเอกชนในวันที่ 24 ก.ย. 2568 

สำหรับมาตรการนี้เป็นการดำเนินการภายใต้ข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) 1540 และ พ.ร.บ. การควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2562 โดยสินค้าที่เข้าข่ายเป็นสินค้า DUI ในหมวด 0 นี้ ไทยมีการส่งออกในปี 2567 เป็นมูลค่า 4.37 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น เป็นต้น 

"มาตรการควบคุมการส่งออกสินค้ากลุ่ม DUI มีผลบังคับใช้กับสินค้าในหมวด 0-9 ซึ่งปัจจุบันมีรายการสินค้าที่เข้าข่ายรวม 1,775 รายการ ภายใต้ 916 พิกัด โดยสินค้ากลุ่มนี้มีมูลค่าการส่งออกในหมวด 0 อยู่ที่ 437,000 ล้านบาท" 

 

พาณิชย์ คุมใบอนุญาตส่งออกสินค้า ล็อตใหญ่ 204 พิกัด เริ่มปี 69

 

อย่างไรก็ตาม หากสินค้าเข้าข่ายแต่ไม่มีคุณสมบัติที่จะนำไปผลิตเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตส่งออก

นอกจากนี้ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2569 เป็นต้นไป รัฐบาลมีแผนที่จะขยายการควบคุมเพิ่มเติมไปยังสินค้าที่นานาชาติให้ความกังวลและมีการใช้งานในสงครามสมัยใหม่สูง ซึ่งได้แก่ โดรนและชิ้นส่วนเครื่องบิน โดยสินค้าเหล่านี้จะอยู่ในหมวด 7-9