หอการค้าฯ ห่วงเศรษฐกิจทรุดหนัก หลัง 'แพทองธาร' พ้นเก้าอี้นายกฯ

29 ส.ค. 2568 | 09:22 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ส.ค. 2568 | 10:52 น.

หอการค้าไทย ชี้คำวินิจฉัยศาลทำ “แพทองธาร” พ้นนายกฯ สะท้อนการเมืองไร้เสถียรภาพ เสี่ยงบั่นทอนเศรษฐกิจ-การลงทุน จี้เร่งหาผู้นำใหม่ฟื้นความเชื่อมั่น

วันนี้ (29 สิงหาคม 2568) นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติวินิจฉัยว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทย ขาดคุณสมบัติลักษณะต้องห้าม ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง และครม.พ้นทั้งคณะ เนื่องจากขาดคุณสมบัติและผิดจริยธรรมร้ายแรง

กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ซึ่งต้องถือว่าคำตัดสินของศาลถือเป็นดุลยพินิจที่ทุกภาคส่วนต้องน้อมรับ แต่ยอมรับว่าเหตุการณ์ในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความไร้เสถียรภาพทางการเมืองไทย และอาจกระทบต่อเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญวิกฤตอยู่แล้ว

 ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นเงื่อนไขสำคัญที่บั่นทอนศรัทธา การขับเคลื่อนเศรษฐกิจจึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะเรากำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจที่หนักอยู่แล้ว 

ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญปัญหารุมเร้า ทั้งกำลังซื้อที่ถดถอย หนี้ครัวเรือนสูง ภาษีการค้าของสหรัฐฯ ภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ตึงเครียด ความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมถึงปัญหาชายแดนและการปิดด่านกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทั้งหมดส่งผลโดยตรงต่อภาคธุรกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยว

“เอกชนและนักลงทุนต่างชาติจับตามองการเมืองไทยอย่างใกล้ชิด หากการเมืองยังไร้เสถียรภาพต่อไป ความเชื่อมั่นก็จะสั่นคลอนหนักขึ้น นักลงทุนจะลังเล การท่องเที่ยวจะชะลอตัว ทุกอย่างจะกระเทือนเป็นลูกโซ่” 

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือฝ่ายการเมืองต้องเร่งหานายกรัฐมนตรีใหม่ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประเทศมีผู้นำที่สามารถสานต่อการทำงานได้โดยเร็ว เพราะการฟื้นฟูประเทศไม่สามารถทำได้เพียงฝ่ายเดียว การเมืองต้องนิ่ง มีเสถียรภาพ และเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบมาตรการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง จึงจะสร้างความมั่นใจให้กับสังคมและนักลงทุนได้ แต่จากนี้ภาคเอกชนต้องการเห็นการฟอร์มคณะรัฐมนตรีที่ดี ได้บุคลากรที่มีฝีมือและเป็นที่ยอมรับเข้าบริหารประเทศ