คลังลุยตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หนุนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

10 ก.ค. 2568 | 23:05 น.

คลังรับโจทย์เดินหน้ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย อย่างยั่งยืน จ่อตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซื้อคืนสัมปทานเอกชน เริ่มมาตรการต.ค.นี้

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เปิดเผยว่า ในหลักการเดินหน้านโยบายดังกล่าว มีโจทย์ว่าจะต้องทำในรูปแบบระยะยาวและมีความยั่งยืน โดยคณะอนุกรรมการชุดนี้ ก็จะรับประเด็นดังกล่าวไปพิจารณาว่าจะสามารถดำเนินการส่วนใดได้บ้าง 

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง

“คณะอนุกรรมการชุดนี้ รับโจทย์มาว่าจะต้องศึกษาว่าจะทำอย่างไร ให้โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายอยู่ระยะยาวและมีความยั่งยืน เราก็จะไปพิจารณาว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง”

ส่วนกรณีข้อกังวลว่าเป็นการใช้งบประมาณแต่ประชาชนต่างจังหวัดไม่ได้รับผลประโยชน์นั้น นายลวรณ กล่าวว่า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน การเดินหน้านโยบายครั้งนี้มองว่าการลงทุนมากกว่า โดยรูปแบบที่ใช้จะเป็นการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นอกจากคณะอนุกรรมการนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย มีหน้าที่ในการศึกษา นโยบายให้อยู่ได้ระยะยาวและยั่งยืนแล้ว คณะกรรมการชุดดังกล่าวยังต้องพิจารณาแนวทางการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าจากภาคเอกชนด้วย โดยจากการหารือกันเบื้องต้น อาจจะมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า และให้ภาครัฐกลับเข้ามาบริหารการเดินรถเองตลอด 13 เส้นทาง

ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวก่อนการประชุม ว่า การดำเนินนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณอุดหนุนจากภาครัฐราว 7-8 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นการคาดการณ์จากจำนวนผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า โดยในการประชุมครั้งนี้จะมีการหารือแนวทางการดำเนินโครงการดังกล่าวในระยะยาว อาทิ การตั้งกองทุนอุดหนุน เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครม.ได้มีมติเห็นชอบมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าทุกสาย ในราคาไม่เกิน “20 บาทตลอดสาย ” ตามนโยบายของรัฐบาล ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ  ที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดราคาค่าครองชีพในทุกมติ ให้กับประชาชน เช่น การปรับราคาค่าครองชีพ ค่าสาธารณูปโภค และค่าพลังงานต่าง ๆ

ทั้งนี้ รัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ค่าโดยสาร 20 บาท ภายในช่วงเดือน สิงหาคม 2568 ผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" และภายใน 1 ตุลาคม 2568 จะเริ่มดำเนินมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า สูงสุด 20 บาทตลอดสายตามนโยบายรัฐบาล และภายหลังจากนั้นจะมีกระบวนการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้โครงสร้างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเงื่อนไขการลงทะเบียนนั้น ก็เพื่อยืนยันตัวบุคคลที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น โดยระบุเลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก  และสามารถใช้ผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรโดยสาร (Rabbit Card ที่เคยลงทะเบียนไว้) ที่จะใช้งานกับระบบรถไฟฟ้าผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” 

โดยบัตรที่ได้รับการยืนยันการลงทะเบียนจะได้สิทธิ์โดยอัตโนมัติ การใช้งานจะครอบคลุมทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 13 เส้นทาง ระยะทางรวม 279.84 กิโลเมตร 194 สถานี ประกอบไปด้วย

  • รถไฟฟ้าสายสีเขียว
  • สีทอง
  • สีเหลือง
  • สีชมพู
  • สีน้ำเงิน
  • สายสีม่วง
  • สายสีแดง
  • สายแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL)