คลังลดภาษี 0% ให้สหรัฐหลายพันรายการ เชื่อไทยโดนสหรัฐเก็บต่ำ 36%

08 ก.ค. 2568 | 06:12 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ค. 2568 | 07:53 น.

คลังเผยลดภาษี 0% ให้สหรัฐหลายพันรายการ ไม่กระทบประเทศคู่ค้า มั่นใจไทยโดนสหรัฐเก็บต่ำ 36% เตรียมงบ 4 หมื่นล้านอุ้มผู้ประกอบการ

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีที่สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าไทย 36% ในวันที่ 1 ส.ค.68 นั้น ยังไม่ใช่การเจราจาขั้นตอนสุดท้าย โดยประเทศไทยได้ส่งข้อเสนอใหม่ให้กับสหรัฐแล้ว โดยลดภาษีนำเข้า 0% หลาย 1,000 รายการ ให้กับสหรัฐ ซึ่งก็เป็นภาษีนำเข้า 0% รายการเดียวกับหลายๆ ประเทศที่เป็นคู่ค้ากับประเทศไทยด้วย

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง

“เราได้มอบหมายให้ทุกกลุ่มกระทรวงที่เกี่ยวข้องรับไปดูรายการสินค้าต่างๆ ที่อ่อนไหวว่ามีส่วนใดติดขัดหรือไม่ โดยสหรัฐก็ขอดูข้อมูลจากเราอย่างละเอียด ให้เราส่งเป็นไฟล์รายการสินค้าไป ซึ่งข้อเสนอครั้งที่ 2 ที่เราส่งไปยังไม่ได้ตอบกลับมา แต่เชื่อว่าผลจะเป็นไปในทิศทางบวก“

ส่วนการลดอัตราภาษีนำเข้าให้กับสหรัฐ เทียบเคียงประเทศคู่ค้า จะผิดเงื่อนไขข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ไทยตกลงกับประเทศคู่ค้าหรือไม่ นายลวรณ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นการตกบงการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ไม่ใช่การเจรจา FTA ซึ่งสามารถทำได้ไม่ผิดเงื่อนไข

ทั้งนี้ ระหว่างนี้ประเทศไทยจะเดินหน้าเจรจากับสหรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยเส้นตาย 1 ส.ค.68 นี้ จะใช้ระยะเวลาช่วงที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุด มั่นใจว่าไทยจะไม่โดนเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ 36% แน่นอน ส่วนกรณีหากข้อเสนอครั้งนี้ยังไม่ได้ผลนั้น ทีมไทยแลนด์ต้องหารือร่วมกัน เพื่อไปเจรจาต่อรองกับสหรัฐต่อไป

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีงบประมาณรองรับที่เหลือกว่า 4 หมื่นล้านบาท ที่ยังไม่ได้รับจัดสรร จากกรอบวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งสามารถเข้าไปดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปสหรัฐ และการเสริมศักยภาพผู้ประกอบการในประเทศให้เข้มแข็ง เพื่อเปิดตลาดให้ระหว่าง 2 ประเทศ 

ขณะที่กรณีข้อเสนอนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐเพิ่มขึ้นนั้น ยืนยันว่า จะไม่กระทบผู้ประกอบการในประเทศ ซึ่งเราพิจารณาจากความต้องการใช้ และจะนำเข้าจากสหรัฐแบบมีโควตา

”การเจรจาไม่จำเป็นต้องจบเร็ว ถ้าเราเร่งรัดอาจจะได้ดีลที่ไม่ดี อย่างกรณีเวียดนามที่ยกเว้นภาษีนำเข้าให้สหรัฐทุกรายการ แต่ยังโดนภาษี 20% คิดว่าประเทศไทยจะไม่แย่กว่าเวียดนาม ซึ่งระหว่างนี้ยังเจรจากันได้ ต้องรอดูฟีดแบคจากสหรัฐ“