กางแผน รัฐบาลโยนสภาฯ รื้องบประมาณปี 69 รายกระทรวงโปะงบกลาง

07 พ.ค. 2568 | 09:05 น.

รัฐบาล โยนสภาฯ รื้องบปี 69 วงเงินกว่า 3.78 ล้านล้านบาท ในชั้นกรรมาธิการวิสมัญงบประมาณ รับมือทรัมป์เอฟเฟกต์ กระแทกเศรษฐกิจโลกทรุด หลังเจอภาษีและสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน

สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังตกอยู่ในอาการ "เมาหมัด" ภายหลังการประกาศกำแพงภาษีและการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับหลายประเทศ รวมไปถึงสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนแบบหนักหน่วง "ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน"

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ แน่นอนว่าได้ส่งผลสะเทือนถึงประเทศต่าง ๆ อย่างถ้วนทั่ว โดยเฉพาะผลโดยตรงต่อภาวะเศรษฐกิจในปี 2568 ที่มีแนวโน้มทรุดลงอย่างไม่มีข้อสงสัย

ด้วยสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง หลายประเทศจึงต้องพยายามหาแนวทางรองรับผลกระทบเร่งด่วน ซึ่งในส่วนของประเทศไทยเองก็กำลังจัดเตรียมความพร้อมรองรับผลที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้า

ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง รับหน้าที่ไปหารือในคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนสรุปเป็นมาตรการต่าง ๆ เพื่อนำมาเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเร็ว โดยการเกลี่ยงบประมาณของกระทรวงต่าง ๆ บางส่วนมารองรับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่รัฐบาลวางแผนเอาไว้

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ยอมรับว่า การเกลี่ยงบประมาณในขณะนี้ทำได้ยากทั้งในงบประมาณปี 2568 เพราะกฎหมายได้ผ่านสภาและมีผลบังคับใช้แล้ว หากจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดจะเป็นอำนาจของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเป็นผู้ดำเนินการ

ส่วนการบริหารจัดการงบประมาณปี 2568 เพื่อรองรับวิกฤตนั้น แหล่งข่าวยอมรับว่า มีเงินส่วนหนึ่งจากงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งมีวงเงินเหลือประมาณ 150,000 ล้านบาท จากเดิม 187,000 ล้านบาท

ที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินโครงการแจกเงินหมื่นให้กับกลุ่มเปราะบางและกลุ่มผู้สูงอายุ และยังมีวงเงินเหลือเพื่อใช้ในโครงการที่จำเป็น ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลจะนำงบประมาณส่วนนี้ไปใช้ในการดูแลเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี โดยจะพิจารณาใช้เมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสม

ส่วนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 หลังจากที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้วเบื้องต้นได้มีการหารือกันแล้วเห็นว่าจะไม่มีการปรับปรุงรายละเอียด

ขั้นตอนจากนี้ สำนักงบประมาณจะจัดพิมพ์ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ เสนอ ครม. อีกครั้งในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ จากนั้นจึงนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรตามขั้นตอน

“งบประมาณ 2569 ที่ผ่าน ครม. มาแล้ว หลัก ๆ จะไม่มีการปรับเปลี่ยน เพราะถ้ารื้อทำใหม่คงใช้เวลาอีกพอสมควร จึงไม่ได้มีการปรับแก้มากนัก และส่วนหนึ่งในงบประมาณก็ได้จัดเตรียมวงเงินในการดูแลและกระตุ้นเศรษฐกิจไว้แล้ว หากช่วงนั้นมีความจำเป็นต้องออกมาตรการบางอย่างมารองรับภาษีทรัมป์ ก็สามารถใช้ในส่วนนี้ได้” แหล่งข่าวระบุ

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในข้อสังเกตว่ารัฐบาลจะมีการเกลี่ยงบประมาณบางส่วนมารองรับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการในรูปแบบใด และยังไม่แน่ชัดว่าจะทำได้หรือไม่

โดยสิ่งสำคัญตอนนี้คือ รัฐบาลกำลังประเมินสถานการณ์ของสงครามการค้า ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร ประเทศใดจะถูกขึ้นภาษีแค่ไหน และผลที่จะเกิดกับเศรษฐกิจจะรุนแรงเพียงใด สิ่งเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้น และคาดการณ์ได้ยาก ดังนั้นการจะปรับงบประมาณในทันทีคงไม่เหมาะสม และเชื่อว่ารัฐบาลได้มองเห็นแล้วว่าจะดำเนินการอะไรเป็นลำดับก่อน-หลัง

ทั้งนี้ หากรัฐบาลตัดสินใจดึงงบประมาณมาปรับปรุงใหม่เพื่อรองรับผลกระทบจากเศรษฐกิจ อาจส่งผลกระทบตามมาหลายด้าน เช่น ความล่าช้าของกระบวนการจัดทำงบประมาณ ซึ่งจะกระทบต่องบลงทุนภาครัฐ และอาจทำให้ขาดเครื่องมือในการประคับประคองเศรษฐกิจ

ดังนั้นแนวทางที่ดีที่สุดในการใช้กลไกงบประมาณเพื่อรองรับอนาคต คือการใช้งบกลาง โดยในปี 2569 ได้ตั้งไว้กว่า 25,000 ล้านบาท เพื่อใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้วางแผนสอง โดยการเกลี่ยงบประมาณปี 2569 ไว้ในชั้นของการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ในขั้นตอนการพิจารณารายละเอียดงบประมาณรายจ่ายของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งจะใช้โอกาสนี้เกลี่ยงบประมาณมาเป็นงบกลาง รายการค่าเพื่อใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมต่อไป