วันนี้ (24 เมษายน 2568) นายอุเมส ปานเดย์ ผู้แทนการค้าไทย (TTR) ได้หารือร่วมกับนายเกา คิม ฮูน เลขาธิการอาเซียน โดยเห็นพ้องว่ากลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศจำเป็นต้องสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีที่เปิดกว้าง ครอบคลุม และอยู่บนพื้นฐานของกฎการอยู่ร่วมกันต่อไป
ทั้งนี้ในการหารือระหว่างนายอุเมสและเลขาธิการอาเซียนเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มมูลค่าการค้าภายในอาเซียนให้มากขึ้น เพื่อช่วยลดผลกระทบที่ประเทศสมาชิกอาเซียนอาจได้รับจากสงครามการค้ามาตรการภาษีที่กำลังดำเนินอยู่
โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า เป้าหมายของกลุ่มอาเซียนในการเพิ่มการค้าภายในอาเซียนให้ถึง 35% จากปัจจุบันที่ 21.5% ซึ่งได้รับการตัดสินใจโดยประเทศสมาชิกนั้น เป็นก้าวที่ดีที่จะช่วยรักษาแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของภูมิภาค แม้จะมีความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นจากสงครามภาษี
อย่างไรก็ดีในฐานะส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าทุกฝ่ายจำเป็นต้องเร่งกระบวนการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTAs) ทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคี โดยจุดมุ่งหมายของการเร่งการเจรจา FTAs คือเพื่อช่วยให้ประชากร 670 ล้านคนของกลุ่มอาเซียนยังคงมีความสำคัญบนเวทีโลก และรักษาความเป็นกลางของกลุ่มในฐานะกลุ่มการค้าสำคัญของโลก
ทั้งนี้ในการหารือมุ่งเน้นไปที่วิธีการช่วยลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) และการดำเนินการเจรจา FTAs แบบทวิภาคีและพหุภาคีเพิ่มเติม นอกเหนือจากการยกระดับ FTAs บางส่วนเพื่อให้สามารถเพิ่มสินค้า และบริการภายใต้ข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ลงนามไปแล้วในอดีต
นายเกาและนายอุเมส ยังเห็นพ้องกันว่า ตลาดใหม่ ๆ เช่น สภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ควรได้รับการพิจารณา และ FTA กับ GCC ควรได้รับการเร่งรัด นอกจากนี้ การเจรจาที่ดำเนินมาหลายปีแล้วจำเป็นต้องเร่งรัดให้มากขึ้น เนื่องจากโลกกำลังเผชิญกับยุคแห่งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามในระหว่างการหารือ ยังมีการยกประเด็นอื่นๆ อีกหลายประเด็น เช่น การขยายคู่เจรจาสำหรับกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ ไปจนถึงประเด็นที่ติดขัดอยู่ในกระบวนการ เช่น โครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน (APG)
นอกจากนี้ ยังมีการหยิบยกประเด็น เช่นการเจรจาการค้าที่กำลังดำเนินอยู่กับสหรัฐอเมริกา มีการหารือเกี่ยวกับการเจรจาการค้าของกลุ่มอาเซียนกับสหรัฐฯ และการเจรจาของแต่ละประเทศกับสหรัฐฯ รวมถึงผลกระทบของการให้สิทธิพิเศษที่แต่ละประเทศให้แก่กัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อ FTAs อื่น ๆ
ช่วงท้ายทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องว่า อาเซียนให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาอย่างจริงจัง และกลุ่มได้ทำงานอย่างแข็งขันในหลายประเด็นและในหลายด้านในทุกระดับในภาคส่วนต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งสามเสาหลักของอาเซียน ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรม