วันนี้ (17 เมษายน 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ทีมไทยแลนด์ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะ เดินทางไปเจรจาเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจและการปรับขึ้นภาษีกับทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้คิวในการเข้าพบอย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 23 เมษายน 2568 นี้ ซึ่งจะเป็นการเจรจาหารือในระดับรัฐมนตรี
น.ส.แพทองธาร ยืนยันว่า ตอนนี้ทางทีมไทยแลนด์มีข้อเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ ค่อนข้างแข็งแรงพอสมควร โดยมั่นใจผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นบวกหรือเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ เพราะเชื่อมั่นว่า สหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทยมายาวนาน การพูดคุยจึงน่าเกิดผลที่ดีกลับมา
ทั้งนี้ในรายละเอียดของการเจรจา ได้มอบหมายให้ทางคณะของรองนายกฯ พิชัย เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนการเจรจาภาษีจะเลือกวิธีการเจรจาขอให้สรัฐฯ ลดภาษีที่ไทยถูกขึ้น 36% ทั้งกระดาน หรือจะเจรจาขอลดภาษีเป็นรายสินค้าหรือไม่นั้น รองนายกฯ พิชัย จะเป็นผู้แจ้งรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ได้มีการต่อสายถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อหารือก่อนได้หรือไม่ นายกฯ ระบุว่า จริงๆ ก็สามารถต่อสายได้ถ้าเหตุการณ์ปกติ แต่ตอนนี้ทุกประเทศกำลังเข้าคิวหารือกับสหรัฐฯ รัฐบาลจึงต้องทำตามขั้นตอน แต่ส่วนตัวแล้วก็ได้ใช้หลาย ๆ ทาง และได้หารือกับผู้เกี่ยวข้องหลายคนอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งถือเป็นคอนเนคชั่นที่สามารถทำได้ก็จำเป็นต้องทำ
เมื่อถามว่า ได้คุยกับนายทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ นายกฯ ยอมรับว่า ก็ได้คุยหลายคนแบบไม่เป็นทางการ เช่นเดียวกับการหารือกับนายทักษิณ และถือว่าเป็นประโยชน์อย่างหนึ่ง เพราะการไม่ได้คุยกับคนที่มีตำแหน่งโดยตรง จะสามารถรวบรวมความคิดเห็นได้ก่อน ซึ่งสหรัฐฯ ก็ต้องการความคิดเห็นของไทยเหมือนกัน ส่วนการพูดคุยแบบเป็นทางการจะเป็นหน้าที่ของรองนายกฯ พิชัย
“ได้คุยกับนายทักษิณ ได้อัพเดทเรื่องสหรัฐฯ ได้คุยทิศทาง และเล่าว่าสมัยเด็ก ๆ ก็เคยมีโอกาสพบครอบครัวของประธานาธิบดีทรัมป์ กับลูก ๆ ได้มาทานข้าวตอนมาประเทศไทย ซึ่งนายทักษิณ ก็รู้จักแนวทางของนักธุรกิจของทรัมป์อยู่แล้ว ก็สามารถคุยด้วยได้ โดยเห็นว่า สหรัฐฯ ก็ไม่อยากเสียประโยชน์ และอยากให้ทุกประเทศแฟร์ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้ปรึกษากันเป็นเรื่องปกติ” นายกฯ กล่าว
ขณะที่แนวทางการช่วยเหลือภาคเอกชนของไทยที่ได้รับผลกระทบนั้น รัฐบาลจะหาทางดูแลภาคเอกชนของไทย และได้แจ้งกับทีมทำงาน ให้รัฐบาลหาช่องทางการสนับสนุนให้เอกชนไทยลงทุนในต่างประเทศด้วย เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจ คาดว่าเร็ว ๆ นี้ แนวทางดังกล่าวจะได้ข้อสรุป
ส่วนการหารือทวิภาคีกับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) วันนี้ ได้หารือร่วมกันถึงนโยบายเศรษฐกิจและการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน กำลังหาช่องทางความร่วมมือกันอย่างไร
“ได้คุยกันว่าในอาเซียนด้วยกันจะสามารถร่วมพลังกันได้อย่างไรบ้าง เพราะตอนนี้ประชากรอาเซียนก็มีจำนวนมาก และมีความแข็งแรง รวมทั้งดูแต่ละประเทศจะมีทางออกอย่างไร และความร่วมมือกันอย่างไรต่อไป ส่วนในรายละเอียดยังไม่ได้มีชัดเจน เพียงแต่ดูว่ากลุ่มอาเซียนจะช่วยกันซัพพอร์ตกันอย่างไร ซึ่งไทยก็ยืนยันว่าพร้อมที่จะร่วมมือกับอาเซียน และได้เน้นไปว่าไทยเองจะเน้นการเจรจาแบบวิน-วิน” น.ส.แพทองธาร กล่าว