สหภาพยุโรป (EU) ไม่รอช้าที่จะตอบโต้มาตรการกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเห็นชอบให้เรียกเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 25% ครอบคลุมทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม
สินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มประกอบด้วย ถั่วเหลือง สัตว์ปีก ยาสูบ เหล็กและอะลูมิเนียม ซึ่งมีมูลค่าการนำเข้ารวมประมาณ 22,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 8.34 แสนล้านบาท ในปีที่ผ่านมา
มาตรการตอบโต้ของ EU จะถูกทยอยบังคับใช้เป็น 3 ระยะ โดยระยะแรกจะเริ่มในวันที่ 15 เม.ย.นี้ กับสินค้าประเภทแครนเบอร์รีและน้ำส้ม ตามด้วยระยะที่ 2 ในวันที่ 16 พ.ค. ซึ่งจะเก็บภาษีสินค้าเหล็ก เนื้อ ช็อกโกแลตขาว และสารโพลีเอทิลีน ส่วนระยะสุดท้ายจะเริ่มในวันที่ 1 ธ.ค. โดยจะเรียกเก็บภาษีอัลมอนด์และถั่วเหลือง
นายเบิร์น แลงจ์ ประธานคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของรัฐสภายุโรป เปิดเผยกับสำนักข่าว CNBC ว่า ทาง EU จะเดินหน้าขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางการค้า ทั้งจีน อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งต่างได้รับผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ เช่นกัน
"เราพร้อมที่จะเพิ่มความร่วมมือกับประเทศพันธมิตร เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบการค้าที่อยู่บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์และองค์การการค้าโลก (WTO)" นายแลงจ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายแลงจ์ยังเน้นย้ำว่า EU ยังคงเปิดประตูพร้อมเจรจากับสหรัฐฯ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังมีโอกาสในการแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน
คาดว่า EU จะประกาศมาตรการตอบโต้อย่างเป็นทางการในวันนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ในอัตรา 20% กับสินค้านำเข้าจาก EU