วันนี้ (9 เมษายน 2568) ที่โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยในงานสัมมนาแบบประชุมโต๊ะกลม Roundtable Trump's Global Quake: Thailand Survival Strategy เรื่องผ่ากำแพงภาษี “ทรัมป์” ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ: Out of The Trump's Uncertainty จัดโดยสื่อในเครือเนชั่น ฐานเศรษฐกิจ กรุงเทพธุรกิจ และโพสต์ทูเดย์ ว่า
ทางรอดของประเทศไทยของตอนนี้ภายใต้รัฐบาลที่ตื่นตัวช้า คือต้องเลือก 2 แนวทาง คือ 1.จะกล้าสู้กลับสหรัฐฯ ในลักษณะเดียวกับประเทศจีนทำหรือไม่ หรือ 2.การการเจรจา ซึ่งล่าสุดประเทศไทยยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการการเจรจากับสหรัฐฯ ต่างจากหลายประเทศ ทั้ง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หลายประเทศในยุโรป และเวียดนามด้วย
ทั้งนี้ในเมื่อประเทศไทย ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการเจรจา อาจมีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับผลกระทบด้วยกัน 5 เรื่อง ประกอบด้วย
1.ประเทศไทยจะส่งสินค้าไปขายกับสหรัฐฯ ได้ยากมากขึ้น
2.ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดยต้องจับตาว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่
3.ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากห่วงโซ่การผลิตของจีน และจะมีผลกระทบต่อการส่งออกตามมาอย่างแน่นอน
4.ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาไทยมากขึ้น
5.ประเทศไทยจะเจรจากับสหรัฐฯ ล่าช้ากว่าหลายประเทศและอาจได้รับผลกระทบตามมาอย่างหนัก เช่น ถ้าสหรัฐฯ เจรจากับเวียดนามสำเร็จ สินค้าหลายอย่างของไทยอาจสู้เวียดนามไม่ได้
นายอัทธ์ กล่าวว่า ในการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอาจต้องแต่งตั้งชุดหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งขึ้นมาดูแลการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพราะการขึ้นภาษีรอบนี้ใหญ่มากและอาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมภายในประเทศ และภาคเกษตรจำนวนมาก โดยอาจมีคณะกรรมการหรือมีหน่วยงานทุกภาคส่วนเข้าไปมีส่วนร่วมในการศึกษาผลกระทบให้ชัดเจน
"โอกาสของไทยอีกเรื่องที่น่าจะเป็นโอกาส คือ ยังมีสินค้าอีก 1,000 รายการ ที่ไม่เจอกำแพงภาษี ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรหาโอกาสในสินค้าเหล่านี้ได้" นายอัทธ์ กล่าว