สยามคูโบต้า จับมือ จ.อุดรฯ สร้างเมืองต้นแบบปลอดการเผา-เพิ่มรายได้เกษตรกร

28 มิ.ย. 2565 | 11:39 น.

“สยามคูโบต้า” จับมือ “อุดรธานี” สร้าง เมืองต้นแบบปลอดการเผา และลดโลกร้อน” ขยายความรู้นวัตกรรมเกษตรทดแทนการเผา พร้อมตั้งเป้าลดการเผาให้เป็นศูนย์ เล็งช่วยเพิ่มรายได้เกษตรกร-ประหยัดค่าปุ๋ยพันล้านต่อปี

 

รายงานจากบริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เผยว่า ทางบริษัทอยู่ระหว่างขยายโมเดลความสำเร็จ “เกษตรปลอดการเผา และเกษตรลดโลกร้อน” โดยล่าสุดได้จับมือหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของจังหวัดอุดรธานี ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ สร้างโมเดล “อุดรธานี เมืองต้นแบบปลอดการเผา และลดโลกร้อน” เป็นจังหวัดที่ 8 โดยดึงองค์ความรู้ KUBOTA (Agri) Solutions เกษตรครบวงจร เอกลักษณ์เฉพาะของคูโบต้า มุ่งแก้ปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในภาคการเกษตร ตลอดจนบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร พร้อมตั้งเป้าลดการเผาในพื้นที่การเกษตรให้เป็นศูนย์

 

สยามคูโบต้า จับมือ จ.อุดรฯ สร้างเมืองต้นแบบปลอดการเผา-เพิ่มรายได้เกษตรกร

 

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เผยว่า การแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลให้ความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนโดยสั่งการให้เร่งบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโดยเร็ว โดยขอให้ทุกจังหวัด ยึดนโยบายรัฐบาล ที่จะลดปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองให้ลดลงกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 20 สำหรับภาคการเกษตรของจังหวัดอุดรธานี ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม ถึงเมษายนของทุกปี มักมีการเผากำจัดวัชพืชและเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ทำให้เกิดปัญหาไฟป่าหมอกควันปกคลุม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

 

โดยจังหวัดอุดรธานี มีนโยบายแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนให้เข้ามามีบทบาทในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน ผลักดันนโยบายการงดเผาฟางข้าวและใบอ้อยของภาครัฐ แก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและอนุภาค PM 2.5 จากการเผาฟางและใบอ้อยหลังเก็บเกี่ยวของเกษตรกร เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายลดการเผาในพื้นที่การเกษตรของจังหวัดอุดรธานีให้เป็น 0%

 

สยามคูโบต้า จับมือ จ.อุดรฯ สร้างเมืองต้นแบบปลอดการเผา-เพิ่มรายได้เกษตรกร

 

ภายใต้แนวคิด “อุดรธานี เมืองต้นแบบปลอดการเผาและลดโลกร้อน” ซึ่งหากมีส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรทดแทนการเผา จะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในการป้องกันและแก้ไข ปัญหา รณรงค์และพัฒนากระบวนการผลิตพืชโดยวิธีปลอดการเผา รวมทั้งช่วยส่งเสริมและเผยแพร่องค์ความรู้ให้เกษตรกรในจังหวัดเกิดการพัฒนาศักยภาพด้านการเกษตรให้มีความมั่นคงในอาชีพอย่างยั่งยืน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การหยุดเผาในพื้นที่การเกษตรของจังหวัดอุดรธานีต่อไป

 

สยามคูโบต้า จับมือ จ.อุดรฯ สร้างเมืองต้นแบบปลอดการเผา-เพิ่มรายได้เกษตรกร

 

นายพิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยเผชิญกับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยกว่า 54 % เกิดจากการเผาในที่โล่ง ซึ่งรวมถึงการเผาในพื้นที่ทางการเกษตร ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน

 

สยามคูโบต้าจึงดำเนินโครงการ “เกษตรปลอดการเผา หรือ Zero Burn” นับตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมา เพื่อรณรงค์และพัฒนากระบวนการผลิตโดยวิธีการทำเกษตรปลอดการเผา ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่วัสดุเหลือใช้หลังการเก็บเกี่ยว เช่น ฟางข้าว ตอซังข้าว และใบอ้อย ด้วยการนำเอานวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรและองค์ความรู้ด้านการเกษตร ภายใต้ องค์ความรู้ KUBOTA (Agri) Solutions เกษตรครบวงจร มาปรับใช้ โดยในปีนี้ได้ต่อยอดเกษตรลดโลกร้อน เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน

 

สยามคูโบต้า จับมือ จ.อุดรฯ สร้างเมืองต้นแบบปลอดการเผา-เพิ่มรายได้เกษตรกร

 

สำหรับโครงการเกษตรปลอดการเผา และเกษตรลดโลกร้อน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงเครื่องจักรกลการเกษตร เพื่อทำการเกษตรในรูปแบบปลอดการเผา โดยตั้งเป้าให้เกษตรกรในพื้นที่สามารถเข้าถึงเครื่องจักรกลการเกษตร และนำไปใช้ในการทำการเกษตรปลอดการเผา

 

สอดคล้องกับเป้าหมายภาครัฐในการลดการเผาในพื้นที่การเกษตรให้เป็นศูนย์ โดยที่ผ่านมา สยามคูโบต้าได้จัดกิจกรรมรณรงค์และสัมมนาโครงการฯ รวมถึงดำเนินการจัดลงนามความร่วมมือโครงการเกษตรปลอดการเผา และเกษตรลดโลกร้อน ไปแล้ว 7 จังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด ราชบุรี เชียงราย นครสวรรค์ ส่งผลให้ลดการเผาในภาคการเกษตรของจังหวัดที่เข้าร่วมโครงการไปแล้วกว่า 80 % นับตั้งแต่ก่อนเข้าร่วมโครงการ อีกทั้งยังสร้างรายได้และคืนสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้พี่น้องเกษตรกรอีกด้วย

 

สำหรับสถานการณ์การเผาไหม้ของพื้นที่ภาคเกษตรของจังหวัดอุดรธานีพบว่า พื้นที่การเผาและจุดความร้อนสะสม (Hotspot) ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 พบว่ามีจำนวน 863 จุด โดยมาจากภาคการเกษตร 314 จุด แบ่งเป็น พื้นที่นาข้าว 31 % อ้อย 18 % พื้นที่เกษตรอื่นๆ 19 % ซึ่งจังหวัดอุดรธานีมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวกว่า 2 ล้านไร่ ส่งผลให้มีปริมาณฟางข้าวอัดก้อนถึง 60 ล้านก้อน

 

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เพาะปลูกอ้อยอีกกว่า 6 แสนไร่ หากจังหวัด อุดรธานีได้มีการทำโครงการเกษตรปลอดการเผาจะทำให้เกิดโอกาสในการลดต้นทุนและสร้างรายได้ จะสามารถประหยัดค่าปุ๋ยได้ เนื่องจากจะช่วยคืนความสมบูรณ์และอินทรีย์วัตถุในดิน โดยเฉพาะธาตุอาหารหลักคิดเป็น 318 ล้านบาท ได้รายได้จากการจำหน่ายฟางข้าวอัดก้อนประมาณ 50-100 บาท/ ไร่ คิดเป็น 100 ล้านบาท นอกจากนี้พื้นที่การเพาะปลูกอ้อยที่มีอยู่กว่า 6 แสนไร่ สามารถประหยัดค่าปุ๋ยได้ 111 ล้านบาท ได้รายได้จากการจำหน่ายใบอ้อยอัดก้อนประมาณ 50-100 บาท/ ไร่ คิดเป็น 30 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดรายได้สู่ชุมชนจากบริการรับอัดฟางข้าวถึง 840 ล้านบาท สามารถนำไปจำหน่ายให้ผู้ประกอบการปศุสัตว์หรือโรงไฟฟ้าชีวมวลได้           

 

สยามคูโบต้ามุ่งมั่นผลักดันแนวคิดเกษตรปลอดการเผา ด้วยการขยายพื้นที่ความร่วมมือของโครงการฯ ในปี 2565 นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดต้นแบบหมู่บ้านเกษตรปลอดการเผา เผยความสำเร็จที่สยามคูโบต้าได้เข้าไปสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถนำความรู้มาลงมือปฏิบัติจริงกับพื้นที่การเกษตรจนเกิดเป็นต้นแบบเกษตรปลอดการเผาได้จริง พร้อมส่งต่อความรู้ไปยังภาคการเกษตรทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมภาคเกษตรกรรมให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป