ลุ้นมาตรการลดค่าครองชีพ ก๊อก 2 ครม.สั่ง 4 หน่วยงานเตรียมพร้อม

29 มี.ค. 2565 | 09:02 น.

ครม.สั่ง 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ เตรียมความพร้อมออกมาตรการลดค่าครองชีพ ก๊อก 2 ขอให้ช่วยเหลือให้เหมาะสมตามสถานการณ์ของราคาพลังงานในตลาดโลก หลังจากเคาะกรอบวงเงินมาตรการก๊อกแรกแล้ว 4.5 หมื่นล้านบาท ผ่าน 10 มาตรการ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกันพิจารณามาตรการช่วยเหลือลดค่าครองชีพในระยะต่อไป

 

ทั้งนี้ที่ประชุมครม. ได้ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันพิจารณาติดตามและปรับปรุงมาตรการการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่เหมาะสมตามสถานการณ์ของราคาพลังงานในตลาดโลก

 

โดยให้คำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ ความพร้อม และความสามารถทางการเงินของภาครัฐ ภายใต้พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561

อย่างไรก็ตามในการประชุมครม. วันนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานอันเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรประหว่างยูเครน – รัสเซีย กรอบวงเงินเบื้องต้น 45,102.65 ล้านบาท 

 

เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนและลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบอาชีพในภาคขนส่ง รวมถึงดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย กลุ่มแรงงานและกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 10 มาตรการ ซึ่งจะดำเนินการในระยะเวลา 3 เดือน โดยมีรายละเอียดล่าสุดในแต่ละมาตรการ ดังต่อไปนี้

1.ทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG)

  • เดือนละ 15 บาทต่อถัง
  • เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เมษายน – มิถุนายน 2565
  • โดยราคาก๊าซหุงต้มเดือนเมษายน 2565 ถังละ 333 บาท เดือนพฤษภาคม 2565 ถังละ 348 บาท และเดือนมิถุนายน 2565 ถังละ 363 บาท
  • กรอบวงเงินเบื้องต้น 6,380 ล้านบาท
  • ดำเนินการโดย กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

 

2.ตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV

  • ราคา 15.59 บาทต่อกิโลกรัม
  • ระยะเวลา 3 เดือน
  • ตั้งแต่เมษายน – มิถุนายน 2565
  • กรอบวงเงินเบื้องต้น 1,590 ล้านบาท
  • ดำเนินการโดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

 

3.ลดค่า FT

  • ลดลง 22 สตางค์ต่อหน่วย
  • ระยะเวลา 4 เดือน
  • ตั้งแต่พฤษภาคม – สิงหาคม 2565
  • ให้สิทธิเฉพาะผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน
  • กรอบวงเงินเบื้องต้น 2,000 -3,500 ล้านบาท
  • แหล่งเงินใช้งบประมาณปี 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

 

4.ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล

  • ราคา 30 บาทต่อลิตร
  • ระยะเวลาถึงสิ้นเดือนเมษายน 2565
  • หลังจากนั้นรัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งนึง ตั้งแต่พฤษภาคม – มิถุนายน 2565 โดยอัตราชดเชยประมาณ 8 บาทต่อลิตร
  • กรอบวงเงินเบื้องต้น 33,140 ล้านบาท
  • ดำเนินการโดย กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกรมสรรพสามิต

 

5.ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก

  • จำนวน 1.57แสนคน
  • ได้รับส่วนลดค่าน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 250 บาทต่อเดือน ( 5 บาทต่อลิตร รวม 50 ลิตร)
  • ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคม – กรกฎาคม 2565
  • กรอบวงเงินเบื้องต้น 120 ล้านบาท
  • แหล่งเงินใช้งบประมาณปี 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 

 

6.แท๊กซี่มิเตอร์ที่เข้าร่วมโครงการลมหายใจเดียวกัน

  • จำนวน 17,460 คน
  • สามารถซื้อก๊าซ NGV ได้ในราคาพิเศษ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม
  • วงเงินไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน
  • ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เมษายน – มิถุนายน 2565
  • กรอบวงเงินเบื้องต้น 171 ล้านบาท
  • ดำเนินการโดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

 

7.เพิ่มส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มให้กลุ่มเปราะบางผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

  • จำนวน 3.6 ล้านคน
  • เพิ่มเงินเป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน จากเดิม 45 บาท
  • ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เมษายน – มิถุนายน 2565
  • กรอบวงเงินเบื้องต้น 200 ล้านบาท
  • แหล่งเงินใช้งบประมาณปี 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

 

8.ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

  • จำนวน 5,500 คน
  • ได้รับส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้มเดือนละ 100 บาท
  • ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เมษายน – มิถุนายน 2565
  • กรอบวงเงินเบื้องต้น 1.65 ล้านบาท
  • ดำเนินการโดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

 

9.ลดอัตราเงินสบทบ มาตรา 33

  • นายจ้างจำนวน 4.9 แสนราย และลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 จำนวน 11.2 ล้านคน
  • ลดเงินสมทบจาก 5% เหลือ 1%
  • ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคม – กรกฎาคม 2565

 

10.ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39, 40

  • ผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 1.9 ล้านคน ลดเงินสมทบจาก 9% เหลือ 1.9% ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคม – กรกฎาคม 2565
  • ผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวน 10.7 ล้านคน ลดเงินสมทบจาก 70 – 300 บาท ลดลงเหลือ 42 – 180 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่กุมภาพันธ์ – กรกฎาคม 2565