3 แรงจูงใจรัสเซียก่อสงครามยูเครน อ.นิด้าชี้ปูตินลงทุนสูญเปล่า เพราะอะไร

สงครามรัสเซียยูเครนส่งผลกระทบมากมายต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ หรือเรียกว่าทั่วทั้งโลกก็ว่าได้ เพราะรัสเซียถือว่าเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของโลก

นายสันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว (Sunt Srianthumrong) โดยมีข้อความว่า

รัสเซียกับชัยชนะที่ว่างเปล่า : ความเข้าใจผิดๆของปูตินกับเรื่อง Global Warming และ Energy Transition ที่จะนำมาสู่การลงทุนที่สูญเปล่า 
นี่คือ Worst Ever Investment ของการทำสงคราม 

ตนคิดว่ามีความชัดเจนมากๆอยู่ 3 ประการในเรื่องของแรงจูงใจที่ชนชั้นนำรัสเซียทำสงครามครั้งนี้ นั่นคือ

• สร้างจักรวรรดิรัสเซียที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง
• ครอบครองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่มากขึ้น
• ครอบครองพลังงานนิวเคลียร์ที่มากขึ้นไปอีก

ทุกท่านครับ สิ่งที่ชนชั้นนำรัสเซียแสวงหาทั้งหมดนั้น กำลังจะไม่มีค่าอะไรในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว ถ้าคุณดูแผน Energy Transition ของโลกที่ใครๆก็จะพยายาม Carbon Neutral กันในปี 2050 แล้วในรูปที่คุณเห็นนั้น 

น้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะมีบทบาทสูงไปอีกแค่ 10 ปี และในปี 2040 บทบาทจะเหลือน้อยมาก และปี 2050 จะแทบไม่มีความสำคัญอะไรกับโลกใบนี้เลย ซึ่งรวมทั้งพลังงาน Nuclear ด้วย 

ถ้าคุณจำได้ไม่กี่ปีก่อนบริษัท Westinghouse ของอเมริกาล้มละลายไปเลยเพราะธุรกิจโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แถมแทบจะลาก Toshiba ที่มา Takeover แทบล้มละลายไปด้วย สาเหตุก็เพราะเหตุการณ์ที่ Fukushima ทำให้ Safety Standard ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่มอีกบานครับ รวมทั้งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า 

ปูตินกำลังพารัสเซียทำสงครามช่วงชิงสิ่งที่กำลังจะไม่มีค่าอะไรแล้ว ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

เพราะปูติน ไม่เชื่อว่า Global Warming เกิดจากฝีมือมนุษย์นั่นเอง เผลอๆอาจไม่เชื่อด้วยว่า CO2 ทำให้โลกร้อน   

พูดจริงๆไม่ใช่พูดเล่นนะ มีคนที่ High Profile บนโลกนี้อีกเยอะที่ไม่เชื่อ ไม่ใช่แค่ปูติน ทรัมป์ก็อยู่ในกลุ่มนี้ และก็มีนักการเมืองในโลกนี้ ในอเมริกา 

รวมถึงไทยด้วย ที่ไม่เชื่อเรื่อง Global Warming ที่เขาไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่พยายามหาความรู้นั่นเอง และที่เขาไม่หาแสวงความรู้ก็เพราะเขาเชื่อว่าเขา"เก่งสุดยอด"อยู่แล้ว 
 

ผมเคยมีโอกาสได้เข้าประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ของไทยนี่แหละ มีครั้งหนึ่งที่ผมตกใจมาก มี 2 ใน 10 คนที่เชื่อว่า Global Warming คือ เรื่องฝรั่งลวงโลก พูดออกมาจากปากเลยครับ คนอื่นๆในห้องประชุมถึงกับอึ้ง และทั้ง 2 คนนั้น เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากและอายุมาก ความคุ้นเคยยึดมั่นถือมั่นกับความรู้เดิมที่เขายึดถือมาทั้งชีวิต คือสิ่งที่ทำให้เขาตาบอดนั่นเอง 

นอกจากปูตินไม่เชื่อโลกร้อนแล้ว คนรัสเซียก็ไม่ไว้ใจรัฐบาลรัสเซียด้วย รัสเซียเป็นประเทศที่อัตราการฉีดวัคซีน Covid-19 ไปได้ไม่ถึง 50% และคงตันแค่นี้ เหตุผลหลักคือ ประชาชนไม่ไว้ใจวัคซีนของรัสเซียนั่นเอง 

ดูเอาก็ได้ มหาเศรษฐีรัสเซียเก็บความมั่งคั่งไว้นอกรัสเซียเยอะมากตอนนี้ก็กำลังโดนไล่ยึดอยู่ คนยูเครนหนีสงครามก็หนีไปทางยุโรปตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ คนรัสเซียบางส่วนก็เริ่มหนีออกนอกรัสเซีย ข่าวรถไฟไป Finland นี่แน่นเต็มขบวนเลยครับ นี่คือปัญหาเรื่อง Trust ที่คนยูเครนและแม้แต่คนรัสเซียเองไม่สามารถมอบให้กับรัฐบาลรัสเซียได้

รัสเซียเป็นประเทศที่สับสนทางแนวคิดมากๆ ไม่แปลกใจเลยว่าจะมีความคิดที่ผิดพลาดต่างๆเกิดขึ้น รวมถึงการตัดสินใจทำสงครามเพื่อไปช่วงชิง Fossil Fuel และ Nuclear ซึ่งกำลังจะไร้ค่าบนโลกนี้แล้ว

นี่คือการตัดสินใจที่ผิดพลาดมหาศาล นี่ยังไม่นับเรื่องจักรวรรดินะ คนอื่นๆ อเมริกา จีน เขากำลังสร้าง Metaverse ทางนี้กลับยังหลงมาสร้าง Empire ซึ่งไม่มี Economic Value แล้ว 

เรื่องพลังงาน

แน่นอนว่ายุโรปอาจจะลำบากทันทีปีนี้ถ้าโดนรัสเซียตัด Gas แต่มันจะไม่เป็นแบบนั้นแล้วในอีก 10 ปีข้างหน้า

จะบอกปิดท้ายให้ฟังด้วยว่า พวกคุณส่วนใหญ่ไม่รู้ใช่ไหมว่า ตอนนี้ไฟฟ้าที่ราคาถูกที่สุดมาจากไหน ไม่ใช่ถ่านหิน นิวเคลียร์ หรือก๊าซ แล้ว  มาจาก Wind หรือ Solar ต้นทุนไฟฟ้าจากลมและแสงอาทิตย์ตอนนี้เหลืออยู่ไม่ถึง 1 บาท บางที่ไม่ถึง 50 สตางค์ด้วย ถูกที่สุดแล้ว

แล้วรถยนต์ EV ถ้าคุณซื้อวันนี้คุณจะประหยัดค่าน้ำมันเทียบกับค่าไฟฟ้าไปได้ตลอด 300,000 km ของการใช้งานรถคุณเป็นมูลค่าประมาณ 600,000 บาทแล้วครับ เลิกซื้อได้แล้วครับรถที่เติมน้ำมัน น้ำมันก็จะไร้ค่าในอีกไม่นานเช่นกัน

โลกมันเปลี่ยนไปมาก และเร็วมาก น่าเศร้า สงครามฉากนี้ ลงทุนเยอะมาก เสี่ยงมาก ละครฉากใหญ่มาก ลิเกโหมโรงก็เต็มที่ แม่ยกก็มากมาย เพื่อช่วงชิง ความมั่งคั่งของอดีตที่แสนว่างเปล่า  

สงสารที่สุดก็ทหารหนุ่มของรัสเซีย ที่ต้องมารบและตายอย่างสูญเปล่าเพราะผู้นำประเทศที่ขาดวิสัยทัศน์อย่างที่สุด