ค่าไฟขึ้น ก๊าซแพง กระทบเศรษฐกิจแค่ไหน รัฐควรทำอย่างไร เช็กเลย

03 มี.ค. 2565 | 04:51 น.

ค่าไฟขึ้น ก๊าซแพง กระทบเศรษฐกิจแค่ไหน รัฐควรทำอย่างไร เช็กเลยที่นี่ แนะภาคอุตสาหกรรมเร่งปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อประหยัดพลังงาน หันมาผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 15 ในเดือนมีนาคม 2565 ภายใต้หัวข้อ “ปรับขึ้นค่าไฟ-ก๊าซ กระทบเศรษฐกิจแค่ไหน” พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า กรณีภาครัฐจะมีการพิจารณาปรับอัตราค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ (NG / NGV / LPG ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิต ขนส่ง และภาคครัวเรือน) ขึ้นต่อเนื่องนั้น 

 

ทั้งนี้ จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และยังเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับสูงในขณะนี้ จนทำให้ผู้ประกอบการมีความจำเป็นจะต้องปรับราคาสินค้าขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน 

 

 

ดังนั้น จึงเสนอขอให้ภาครัฐพิจารณาคงอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในรอบเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2565 เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าว 

 

นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังได้แนะให้ภาคอุตสาหกรรมเร่งปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อประหยัดพลังงาน และหันมาผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใช้เองภายในโรงงานอุตสาหกรรม 

 

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 150 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 15 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้

 

1.ปัจจุบันค่าไฟฟ้าและพลังงานคิดเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนการผลิต

  • อันดับที่ 1 : 10 - 20%       38.7%
  • อันดับที่ 2 : น้อยกว่า 10%       25.3% 
  • อันดับที่ 3 : 20 - 30%       20.7% 
  • อันดับที่ 4 : มากกว่า 30%       15.3%

 

ค่าไฟขึ้น ก๊าซแพง กระทบเศรษฐกิจแค่ไหน

 

2.กรณีภาครัฐมีการปรับค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซ ขึ้นต่อเนื่อง จะกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับใด

  • อันดับที่ 1 : มาก        56.7%
  • อันดับที่ 2 : ปานกลาง       34.7%
  • อันดับที่ 3 : น้อย          8.6%

3.  ผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ* ในเรื่องใด ที่ภาครัฐควรให้ความสำคัญ 

  • อันดับที่ 1 : ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากต้นทุนพลังงานที่อยู่ระดับสูง 87.3%
  • อันดับที่ 2 : ภาระค่าครองชีพของประชาชน     82.0%
  • อันดับที่ 3 : เร่งอัตราเงินเฟ้อให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น     51.3%
  • อันดับที่ 4 : กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวหรือหยุดชะงัก    41.3%

 

4.  มาตรการใดมีประสิทธิภาพในการบรรเทาผลกระทบของประชาชนและภาคธุรกิจ จากค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น 

  • อันดับที่ 1 : การคงอัตราค่า Ft รอบเดือน พ.ค. - ส.ค. 2565   80.7% 
  • อันดับที่ 2 : มาตรการความร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้า (Demand Response)  59.3% โดยคืนผลประหยัดไฟฟ้าที่ลดได้ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า  
  • อันดับที่ 3 : ตรึงราคาขายปลีกก๊าซฯ ชั่วคราว     53.3% 
  • อันดับที่ 4 : มาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มในส่วนของผู้มีรายได้น้อย  52.7% และผู้ประกอบการ SME เช่น ส่วนลดค่าไฟฟ้า, คูปองส่วนลดราคาก๊าซฯ


5.  ภาคอุตสาหกรรมควรเตรียมรับมือผลกระทบจากค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างไร

  • อันดับที่ 1 : ปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อประหยัดพลังงาน   82.0%
  • อันดับที่ 2 : การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใช้เองภายในโรงงาน  76.0% เช่น Solar cell
  • อันดับที่ 3 : นำระบบการบริหารจัดการพลังงานมาใช้ 64.7% และปรับแผนการผลิตเพื่อลดต้นทุน
  • อันดับที่ 4 : บำรุงรักษาและปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร   53.3%


6.  แนวโน้มภาคอุตสาหกรรมจะมีการใช้ไฟฟ้าและพลังงาน ปี 2565 อย่างไร

  • อันดับที่ 1 : เพิ่มขึ้นจากปี 2564      77.3%  
  • อันดับที่ 2 : ทรงตัว       20.7%
  • อันดับที่ 3 : ลดลงจากปี 2564      2.0%