อุดรฯยกการ์ดสูงคุมโควิดกักคนจากพื้นที่เสี่ยง 7 วัน ปิด"เซเว่น"หลัง4ทุ่ม  

26 ก.พ. 2565 | 04:09 น.

อุดรฯเร่งสกัดโควิด-19 สั่งผู้เดินทางจากจังหวัดเสี่ยงสูงเข้าพื้นที่ ต้องรายงานและกักตัว 7 วัน  งดการจัดงานชุมนุมคนจำนวนมาก แนะคนอุดรฯสวมหน้ากากตลอดเวลาทั้งใน-นอกบ้าน งด-เลื่อนงานสงกรานต์ ปิดบริการศูนย์ดำรงธรรม สนง.ปฎิรูปที่ดินจังหวัด โรงรับจำนำ ส่วน 7-11 ปิด 4 ทุ่ม 

สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีที่เร่งตัวเพิ่มสูงขึ้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอุดรธานี ครั้งที่ 9/2565  เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ห้องประชุมกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม  ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธาน  โดยมีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอุดรธานี  ภาคเอกชน ร่วมประชุมพิจารณาปรับมาตรการป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาด 
        นายอุเทน หาแก้ว รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 จังหวัดอุดรธานี พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยอาการหนัก ผู้ป่วยเสียชีวิต มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น  โดยพบการระบาดลักษณะคลัสเตอร์ จากการรวมกลุ่มทำกิจกรรมในงานประเพณี งานศพ งานแต่ง งานบุญ ซึ่งขาดการกำกับมาตรการป้องกันโรคที่ดีของผู้จัดงาน หรือผู้จัดกิจกรรม มีการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำร่วมกัน ขณะร่วมกิจกรรมพูดคุยกันโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย 

อุดรฯยกการ์ดสูงคุมโควิดกักคนจากพื้นที่เสี่ยง 7 วัน ปิด"เซเว่น"หลัง4ทุ่ม  

อุดรฯยกการ์ดสูงคุมโควิดกักคนจากพื้นที่เสี่ยง 7 วัน ปิด"เซเว่น"หลัง4ทุ่ม  

ซึ่งผู้มีอาการหนักและเสียชีวิตส่วนใหญ่ ยังคงเป็นกลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีน รวมทั้งที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (เข็ม 3 ) หรือ  Booster dose ซึ่งคณะกรรมการขอความร่วมมือประชาชน การ์ดอย่าตก ป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลาด้วยการรักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เลี่ยงสถานที่เสี่ยง  งดเว้นการทำกิจกรรมรวมกลุ่ม สังสรรค์  และเน้นการทำงานที่บ้าน 

 

สถานประกอบการใช้มาตรการ COVID free Setting ในการจัดงานบุญประเพณี งานศพ งานแต่งงาน  ต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอพื้นที่ มีการประเมินและวางมาตรการร่วมกันก่อนจัดกิจกรรม และให้งดจัดให้มีการดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดขบวนแห่ รถแห่ และมหรสพทุกชนิด

 

อุดรฯยกการ์ดสูงคุมโควิดกักคนจากพื้นที่เสี่ยง 7 วัน ปิด"เซเว่น"หลัง4ทุ่ม  

พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้ปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด และจังหวัดเสี่ยง  โดยให้ใช้เกณฑ์จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อเกินวันละ 500 คน เป็นเกณฑ์ให้ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ติดตามเฝ้าระวัง ซึ่งผู้เดินทางจากจังหวัดควบคุมสูงสุดต้องรายงานตัวกับผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ตรวจ ATK  และสังเกตอาการที่บ้าน 7 วัน

 

โดยจังหวัดที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เกินวันละ 500 คน ประจำวันที่ 24 ก.พ.2565 มี 13 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร,ชลบุรี,สมุทรปราการ,นครศรีธรรมราช,นนทบุรี,สมุทรสาคร,ราชบุรี,ภูเก็ต,ระยอง,ปทุมธานี,บุรีรัมย์,นครราชสีมา และนครปฐม

 

นอกจากนี้ วันที่ 25 ก.พ.2565  นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ออกประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอุดรธานี อีก 3 ฉบับ  ประกอบด้วย 

 

ฉบับที่ 6 คำแนะนำการปฏิบัติของประชาชนชาวอุดรธานีทุกคน  1.ให้สวมใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทั้งในและนอกเคหะสถาน  2.ให้ประชาชนอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ และปฎิบัติมาตรการสาธารณสุขป้องกันตนเอง 3.ต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเมื่อติดต่อราชการ โดยสถานที่ราชการให้มีจุดคัดกรองทุกคนที่เข้าอาคาร 4.งดหรือเลื่อนการจัดงานประเพณีสงกรานต์ หรืองานที่มีลักษณะเป็นการชุมนุมประชาชน ของทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนออกไปก่อน ยกเว้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และมีการปฏิบัติด้านสาธารณสุขครบถ้วน

 

ฉบับที่ 7 งดให้บริการเป็นการชั่วคราว 1.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ตั้งแต่ 26 มีนาคม 2563 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เฉพาะส่วนที่เข้ารับบริการด้วยตัวเอง ประชาชนสามารถร้องเรียนผ่านช่องทาง โทรศัพท์สายด่วน 1567, โทรศัพท์-โทรสาร 042223180 และอีเมล [email protected] 2.สนง.ปฏิรูปที่ดิน จ.อุดรธานี สำหรับการคัดค้านหรือขอโอนสิทธิหรือรับมรดก ให้ใช้สิทธิผ่านทางไปรษณีย์ภายในกำหนดตามประกาศ การชำระเงินให้ชำระผ่านช่องทาง ธกส. ติดต่อสอบถามทางโทรฯ 042-92003

 

ฉบับที่ 8 มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อ โควิด-19 ให้ปิดสถานที่ในพื้นที่ จ.อุดรธานี ชั่วคราว 1.ร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการ 24 ชม. ให้เปิดจำหน่ายในช่วงตั้งแต่เวลา 05.00-22.00 น., 2.โรงรับจำนำของรัฐทุกแห่ง ประกอบด้วย สถานธนานุบาล ทน.อุดรธานี 1, 2.สถานธนานุบาล ทต.กุมภวาปี และสถานธนานุเคราะห์ 38  ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ