กองทุนน้ำมันถังแตกยันไม่ปรับลดดีเซลเหลือ 25 บาทต่อลิตรตามข้อเรียกร้อง

07 ก.พ. 2565 | 08:38 น.

กองทุนน้ำมันถังแตกยันไม่ปรับลดดีเซลเหลือ 25 บาทต่อลิตรตามข้อเรียกร้อง ปลัดกระทรวงพลังงานเผยไม่สามารถหาแหล่งเงินมาช่วยได้ ระบุทำเต็มที่ได้ 30 บาทต่อลิตร ชี้เวลานี้ใช้เงินอุดหนุนไปแล้ว 7 พันล้านบาทต่อเดือน 

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงข้อเรียกร้องของสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย หรือกลุ่มม็อบรถบรรทุกที่ต้องการให้กระทรวงฯปรับลดราคาน้ำมันดีเซลเหลือ 25 บาทต่อลิตรนั้น ต้องเรียนว่า ณ เวลานี้ที่กระทรวงฯ พยายามตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร มีการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปแล้ว 3.79 บาทต่อลิตรจากราคาจริง หรือประมาณ 7 พันล้านบาทต่อเดือน 

 

หากต้องการให้ปรับลดจากราคาดีเซลจริงที่ควรจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 34 บาทต่อลิตรมาอยู่ที่ 25 บาทต่อลิตร จะมีส่วนต่างอยู่ประมาณ 9 บาทต่อลิตร โดยหากคิดเป็นมูลค่าก็จะอยู่ที่ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาทต่อเดือน

 

ซึ่งกระทรวงพลังงานไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนส่วนใดมาช่วยอุดหนุนได้ เพราะต้องมีการจัดสรรเงินไปช่วยเหลือกลุ่มอื่นที่ได้รับผลกระทบอย่างเท่าเทียม

 

"ดังนั้น จึงขอความร่วมมือ และขอตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร"

ส่วนแนวทางการหารรือกับกระทรวงการคลัง  เพื่อใช้แนวทางการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันนั้น เรื่องของภาษีเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง โดยต้องเรียนว่าเรื่องการลดภาษีคงจะไม่มีการประกาศให้ได้รับรู้ว่าจะมีการลดภาษีส่วนไหน อย่างไร เพราะรายได้ของรัฐบาลมาจากเงินภาษี

 

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องของนโยบายและกระทรวงคลังที่จะดูแลส่วนดังกล่าวนี้ กระทรวงพลังงานคงจะไม่เข้าไปก้าวล่วง

 

กุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน

 

อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าเคยมีการหารือร่วมกับกระทรวงการคลังจริง โดยได้ระบุไปอย่างชัดเจนว่ากระทรวงพลังงานก็จะรับผิดชอบในส่วนที่ดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งก็ได้มีการดำเนินการมาโดยตลอดตั้งเดือนมีนาคม 64 จนถึงปัจจุบัน  ซึ่งมีการบริหารในส่วนที่รับผิดชอบโดยกองทุนพลังงานฯอย่างเต็มรูปแบบ 

 

อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงฯดำเนินไม่ไหวจริง ก็ได้มีการรายงานให้กระทรวงการคลังรับทราบว่า เมื่อถึงเวลานั้นก็คงต้องมีการหารือกัน แต่ ณ เวลานี้ยังไม่ถึงเวลาดังกล่าว  

หากถามว่าจุดไหนที่จะระบุว่ากระทรวงพลังงานดูแลไม่ไหวแล้ว ก็คงต้องเรียนว่าเวลานี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่หากมีการปรับพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องเป็น 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซียยังไม่ยุติ ก็คงจะต้องมีการหารือกับกระทรวงคลังต่อไป แต่ ณ เวลานี้คงยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึง

 

"เรามีการเตรียมการไว้หมดแล้วหากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงไป แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในเวลานี้ แต่หากสถานการณ์น้ำมนัดิบโลกใกล้แตะ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลก็คงต้องกลับมาพูดถึงรายละเอียดของการดำเนินการว่าจะเป็นอย่างไรตามขั้นตอน"

 

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในมาตรการที่จะต้องดำเนินการควบคู่กันไปก็คือ การหาแหล่งเงินมาสนับสนุน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องการชี้แจงก็คือ ได้มีการวางมาตรการดูแลประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนรองรับไว้แล้ว  แต่เวลานี้ยังคงต้องบริหารจัดการตามมาตรการก่อน