ซาอุฯโอกาสทองฟื้นการค้าไทย เปิดประตูสู่ตะวันออกกลาง

07 ก.พ. 2565 | 03:41 น.

ซาอุฯโอกาสทองฟื้นการค้าไทย เปิดประตูสู่ตะวันออกกลาง   สนค. ชี้สินค้าไทยที่ยังเจาะตลาดซาอุฯได้ ยังอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ กลุ่มอาหาร มั่นใจกำลังซื้อของผู้บริโภคในซาอุฯยังมีสูง

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ทำการศึกษาโอกาสการส่งออกสินค้าไปตลาดซาอุดีอาระเบีย หลังมีการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน และเป็นไปตามนโยบายส่งเสริมตลาดส่งออกสำคัญ ซึ่งเน้นการรักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ และฟื้นฟูตลาดเก่าให้กลับคืนมา โดยซาอุดีอาระเบียถือเป็นหนึ่งในตลาดเก่าที่จะฟื้นฟูการส่งออกให้กลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนให้ภาพรวมการส่งออกของไทยไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางขยายตัวเพิ่มขึ้น

ซาอุฯโอกาสทองฟื้นการค้าไทย เปิดประตูสู่ตะวันออกกลาง

 

ทั้งนี้ซาอุฯ ถือเป็นตลาดที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาคตะวันออกกลาง รองจากตุรกี จากข้อมูลของธนาคารโลก (World Bank) ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของซาอุฯ อยู่ที่ประมาณ 700 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มีรายได้ต่อหัวเฉลี่ย 46,700 ดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่า ในปี 2565 เศรษฐกิจของซาอุฯ จะขยายตัวที่ร้อยละ 4.9 จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมันจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากการลงทุนที่ขยายตัว นอกจากนี้ ยังมองว่าเศรษฐกิจของซาอุฯ ในปี 2566 จะยังคงขยายตัวที่ร้อยละ 2.3

ซาอุฯโอกาสทองฟื้นการค้าไทย เปิดประตูสู่ตะวันออกกลาง

สำหรับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตในครั้งนี้ หากมองในแง่เศรษฐกิจการค้า ทั้ง 2 ฝ่าย สามารถสร้างความร่วมมือได้ใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ แรงงาน การลงทุน การท่องเที่ยว การค้า และอาหาร ซึ่ง สนค. ประเมินว่าการกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคี จะเป็นกลไกความร่วมมือที่สำคัญที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจ เปิดประตูการค้า และแสวงหาโอกาสในการลงทุนร่วมกัน

ซาอุฯโอกาสทองฟื้นการค้าไทย เปิดประตูสู่ตะวันออกกลาง

จะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการส่งออกไปตลาดซาอุฯ โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยไปซาอุฯ จะสามารถกลับไปเหนือระดับ 100,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ไทยเคยมีมูลค่าการส่งออกไปซาอุฯ สูงสุด (ปี 2557) และคาดการณ์ว่า ในปี 2565 (ณ 1 ก.พ. 65) มูลค่าการค้ารวมระหว่างสองประเทศ จะอยู่ที่ประมาณ 280,336 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 20.3 โดยการส่งออก จะมีมูลค่า 54,678 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.2 การนำเข้า จะมีมูลค่า 225,658 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 24.3 และขาดดุลการค้า 170,980 ล้านบาท

ซาอุฯโอกาสทองฟื้นการค้าไทย เปิดประตูสู่ตะวันออกกลาง

โดยสินค้าส่งออกที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้งและสินค้านำเข้าที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ได้แก่ น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ แร่และผลิตภัณฑ์จากแร่ เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งภายในบ้านเรือน และส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์

ซาอุฯโอกาสทองฟื้นการค้าไทย เปิดประตูสู่ตะวันออกกลาง

นอกจากนี้ สนค. ได้ประเมินสินค้าส่งออกศักยภาพที่มีโอกาสและคุ้มค่าต่อการผลักดันไปยังตลาดซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในตลาดซาอุดีอาระเบียอยู่เดิม รวมถึงสินค้าที่ซาอุดีอาระเบีย มีแนวโน้มนำเข้าจากตลาดโลกเพิ่มขึ้นตลอด 3-5 ปีที่ผ่านมา ไว้ดังนี้ สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร อาทิ ข้าว ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง (เช่น มะพร้าว เม็ดมะม่วงหิมพานต์) เนื้อปลาสด แช่เย็น แช่แข็ง ปลาปรุงแต่ง (เช่น ปลาทูน่าปรุงแต่ง) กาแฟ ขนมจากน้ำตาล(แบบไม่มีโกโก้ผสม) อาหารปรุงแต่งจากธัญพืช เป็นต้น

ซาอุฯโอกาสทองฟื้นการค้าไทย เปิดประตูสู่ตะวันออกกลาง

   สินค้าอุตสาหกรรม อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ยางรถยนต์สำหรับรถยนต์นั่ง รถบัส และรถบรรทุก ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เครื่องระบายอากาศหรือเครื่องหมุนเวียนอากาศที่มีพัดลมประกอบร่วมอยู่ด้วย เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับตัดต่อหรือป้องกันวงจรไฟฟ้า เครื่องประดับเพชรพลอย อุปกรณ์ติดตั้งของหลอดหรือท่อ (เช่น ข้อต่อ ข้องอ ปลอกเลื่อน) ทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ เอสเซนเชียลออยล์ เป็นต้น

ซาอุฯโอกาสทองฟื้นการค้าไทย เปิดประตูสู่ตะวันออกกลาง