เอกชนรับลูกฟื้นสัมพันธ์ซาอุฯ ดันส่งออกโต 1.5 แสนล้าน ท่องเที่ยวพุ่ง 10 เท่า

28 ม.ค. 2565 | 05:33 น.

ฟื้นสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ รอบ 30 ปีส่งผลดีช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย สรท.รับลูก “บิ๊กตู่” เตรียมทำแอ็กชั่นแพลนเสนอพาณิชย์ จับมือลุยเจาะตลาดเพิ่ม มั่นใจดันส่งออกพุ่ง 1.5 แสนล้านใน 3 ปี ด้านททท.เตรียมบุกโปรโมทตลาด แอตต้ามั่นใจดึงนักท่องเที่ยวซาอุฯเข้าไทยได้เพิ่ม 10 เท่าตัว

 

 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของเจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน บิน อัลดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฏราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 25-26 มกราคม 2565 เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ในรอบกว่า 30 ปี พล.อ.ประยุทธ์ ได้แจ้งข่าวดีต่อคนไทยหลังเดินทางเยือนว่า ไทยและซาอุฯได้บรรลุในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศสู่ระดับปกติแล้ว จากนี้จะช่วยสร้างโอกาสระหว่างกันใน 9 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการท่องเที่ยว ด้านพลังงาน ด้านแรงงาน ด้านอาหาร ด้านสุขภาพ ด้านความมั่นคง ด้านการศึกษาและศาสนา ด้านการค้าและการลงทุน และด้านกีฬานั้น

 

เอกชนรับลูกฟื้นสัมพันธ์ซาอุฯ ดันส่งออกโต 1.5 แสนล้าน ท่องเที่ยวพุ่ง 10 เท่า

 

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ด้านการค้า ถือเป็นโอกาสที่ไทยจะส่งออกไปซาอุฯได้เพิ่มขึ้น จากทางซาอุฯจะอำนวยความสะดวกในการออกวีซ่าให้กับนักธุรกิจไทยเดินทางไปติดต่อทำการค้าได้สะดวกขึ้น ล่าสุดทาง สรท.อยู่ระหว่างการจัดทำแผนปฏิบัติการ (แอ็กชั่นแพลน) ในการขยายการส่งออกไปยังซาอุฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ และมีกำลังซื้อสูงเป็นอันดับต้นๆ ในตะวันออกกลาง โดยจะนำแผนไปหารือกับกระทรวงพาณิชย์ใน 2-3 สัปดาห์นี้

 

 

เอกชนรับลูกฟื้นสัมพันธ์ซาอุฯ ดันส่งออกโต 1.5 แสนล้าน ท่องเที่ยวพุ่ง 10 เท่า

 

ในแผนปฏิบัติการจะระบุถึงกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพในการเจาะตลาดเพิ่ม แผนงาน/กิจกรรม เช่น การจัดคณะนักธุรกิจไทยร่วมกับ รมว.พาณิชย์ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ หรือทูตพาณิชย์เยือนซาอุฯ เป็นต้น รวมถึงช่องทางการเจาะตลาดอื่น ๆ เบื้องต้นจากการหารือกับสมาชิกสรท.กลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพและสนใจตลาดซาอุฯมาก ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า ข้าว สินค้าอาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ

 

 

 

ชัยชาญ  เจริญสุข

 

“ส่งออกไทยไปซาอุฯปี 2532 เคยทำได้ถึง 1.5 แสนล้านบาท แต่จากความสัมพันธ์ที่ลดลง การขอซีซ่านักธุรกิจไทยไปซาอุฯช่วงที่ผ่านมายากขึ้น ความคุ้นเคยระหว่างกันขาดหายไป ทำให้ส่งออกไทยไปซาอุฯลดลง (ปี 2564 ล่าสุดไทยส่งออกไปซาอุฯ 5.1 หมื่นล้านบาท) ซึ่งจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับคืนมาถือเป็นโอกาสทอง คาดส่งออกไทยไปซาอุฯจะกลับไปสู่ระดับเดิม 1.5 แสนล้านบาทได้ภายใน 3 ปี เพราะชาวซาอุฯรู้จักและคุ้นเคยสินค้าไทยดี ครึ่งหลังปีนี้แผนเจาะตลาดซาอุฯจะบรรลุผลมากขึ้น คาดส่งออกไทยไปซาอุฯปี 2565 น่าจะทำได้ประมาณ 2,000-2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6.60-7.26 หมื่นล้านบาท)”

 

ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากความสำเร็จในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ จะส่งผลดีต่อไทยในหลายเรื่อง เช่น แรงงานฝีมือของไทยจะเข้าสู่ตลาดซาอุฯได้มากขึ้น รวมถึงแรงงานภาคบริการ เช่น นวด สปาเพื่อสุขภาพ เอ็นเตอร์เมนต์คอมเพล็กซ์ และอื่นๆ ที่เป็นที่ต้องการของซาอุฯ จะมีงานทำเพิ่มขึ้น รวมถึงสินค้าไทยมีโอกาสขยายตลาดซาอุฯได้เพิ่ม เช่น ข้าวหอมมะลิ ผลไม้ไทยต่าง ๆ สินค้าเกษตรที่มีนวัตกรรม และมูลค่าเพิ่ม เป็นต้น

 

อัทธ์  พิศาลวานิช

 

“สินค้าไทยมีช่องทางการทำตลาดซาอุฯได้หลายช่องทาง เช่น ผ่านทูตพาณิชย์ การติดต่อกับผู้นำเข้าโดยตรง อาทิ ห้างดังต่างๆ การใช้โซเชียลมีเดียทั้งเฟซบุ๊ก การจัดทำคลิปแนะนำสินค้าเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาอาหรับ เป็นต้น”

 

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ก่อนโควิด-19 ในปี2562 ไทยมีนักท่องเที่ยวจากซาอุฯ 3.69 หมื่นคน การฟื้นความสัมพันธ์ของสองประเทศ และจะมีการเปิดเที่ยวบินตรงเข้าไทยถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะไทยมีโปรดักส์ด้านการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวซาอุฯอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ กลุ่มเดินทางมารักษาพยาบาล การช้อปปิ้ง

 

การดำเนินการด้านการตลาดหลังจากนี้ ททท.จะเข้าไปดูหลักเกณฑ์หรือนโยบายการเดินทางออกนอกประเทศของซาอุฯก่อนว่าเป็นเช่นไร ที่ผ่านมาสำนักงาน ททท. ดูไบก็ดูแลพื้นที่ซาอุฯอยู่แล้ว สามารถโปรโมทต่อยอดการทำตลาดได้ทันที รวมถึงในการจัดงาน ArabianTravel Mart (ATM) ที่ ดูไบ ที่ในปีนี้กำลังดูอยู่ว่าทางผู้จัดงานจะจัดแบบออนไลน์หรือไฮบริด ซึ่ง ททท. นำผู้ประกอบการไปออกงานทุกปี ปีนี้จะเป็นโอกาสดีในการพ่วงโปรโมทตลาดซาอุฯ ไปพร้อมๆ กับภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย

 

ยุทธศักดิ์  สุภสร

 

นอกจากนี้ในการประชุม G20 ที่ฮอกไกโด ทางนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้หารือกับผู้แทนจากซาอุฯ ถึงการทำความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศไว้แล้วและทางซาอุฯก็มีความสนใจ ในขณะนี้เมื่อฟ้าเปิดแล้ว ก็จะมีการสานต่อในเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมต่อไป

 

ขณะที่ นายศิษฏิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุฯ สายการบินซาอุดีอาระเบีย เตรียมจะเปิดบินตรงจากกรุงริยาดเข้าไทยในเดือนพฤษภาคมนี้ จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวอย่างมาก จากซาอุฯ เป็นตลาดใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง มีประชากรกว่า 34 ล้านคน เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง มั่นใจว่าในอนาคตไทยจะสามารถเพิ่มนักท่องเที่ยวจากซาอุฯได้อีก 10 เท่า จาก 3.6 หมื่นคนเพิ่มขึ้นมาเป็น 3 แสนคนได้ไม่ยาก หลังจากเราไม่ได้ทำตลาดนี้มานานกว่า 30 ปี

 

ดังนั้นเมื่อมีการฟื้นความสัมพันธ์ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็จะเดินหน้าทำตลาดนี้ได้ โดยจะเน้นการเสนอขายสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับเฮลท์แอนด์เวลเนส และเรื่องของการช้อปปิ้ง เพราะตรงกับพฤติกรรมการเดินทางมาเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวจากซาอุฯ รวมถึงการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ สำหรับตลาดนี้ไม่ว่าจะเป็นสมุย และภูเก็ต จากในอดีตส่วนใหญ่จะมาเที่ยวที่กรุงเทพฯและพัทยา เป็นหลัก

 

หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3753 วันที่ 30 ม.ค. -2 ก.พ. 2565