สุดล้ำใช้ดาวเทียมแสกนโควิด-ภัยพิบัตินำร่องโรงงานขนาดใหญ่ 9 จังหวัด

11 ธ.ค. 2564 | 06:49 น.

สุดล้ำใช้ดาวเทียมแสกนโควิด-ภัยพิบัตินำร่องโรงงานขนาดใหญ่ 9 จังหวัด กรอ.ร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) โดยการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) พัฒนาต้นแบบ

นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า กรอ.ได้ดำเนินการร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ. หรือ GISTDA) โดยการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) พัฒนาแพลตฟอร์ม (Platform) 3 โมเดลต้นแบบ เพื่อเฝ้าระวังลดผลกระทบของการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 (covid-19) และสถานการณ์ฉุกเฉินจากภัยพิบัติในโรงงานขนาดใหญ่ ด้วยระบบเฝ้าระวังจากเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ
ทั้งนี้ กรอ. และ สทอภ. ได้ร่วมกันถอดบทเรียนโครงสร้างข้อมูล มาตรการ และแนวทางการดำเนินงานในการแก้ปัญหาการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 จากจังหวัดสมุทรสาคร แล้วนำมาทำกรอบโครงการกำหนดเป็นโมเดลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อวางแนวทางให้โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้มีการพัฒนาประมวลผลข้อมูล และวางระบบการวิเคราะห์การจัดการสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงงาน 

และนอกจากปัญหาการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 แล้ว ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ยังมีโอกาสเผชิญปัญหาภัยพิบัติในรูปแบบอื่นที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชน สังคม เศรษฐกิจ ในวงกว้าง กรอ. จึงได้วางแนวทางเชิงรุกควบคู่ โดยการทำโมเดลเฝ้าระวังและบริหารจัดการภัยพิบัติที่เกิดจากสารเคมี อุทกภัย และโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันไปด้วย
“ความร่วมมือกับ สทอภ. ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการทำฐานข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคโนโลยีอวกาศ (ดาวเทียม) และภูมิสารสนเทศ โดย สทอภ. ได้นำเอาแผนที่ประเทศไทยในลักษณะของภาพถ่ายดาวเทียมมากำหนดพื้นที่ให้เห็นว่ามีโรงงาน ชุมชน ตั้งอยู่ตรงไหนบ้าง แล้วนำมาทำกระบวนการที่เรียกว่า บับเบิ้ลแอนด์ซีล (bubble and seal) แบ่งเป็นโซน ๆ เพื่อให้สามารถควบคุมและเฝ้าระวังการแพร่กระจายของเชื้อได้"

วันชัย พนมชัย อธิบดี กรอ.
โดยจะนำมาเป็นโมเดลการเฝ้าระวังและลดผลกระทบการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปทุมธานี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ โมเดลภัยพิบัติด้านสารเคมี ในจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา และโมเดลด้านอุทกภัยในจังหวัดนครราชสีมา และสุราษฎร์ธานี รวมทั้งสิ้น 9 จังหวัดนำร่อง ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงเคยได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติ

สำหรับระยะเวลาการดำเนินงาน เบื้องต้นได้มีการพัฒนาระบบประมวลผลข้อมูล และวางระบบการวิเคราะห์การจัดการสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเลือกใช้โมเดลที่มีความเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่จังหวัด เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลเดิม ซึ่งคาดว่าจะสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มให้เป็นระบบเฝ้าระวังที่สมบูรณ์แบบได้ภายในมิถุนายน 2565 โดย กรอ.จะเป็นหน่วยงานบริหารหลัก ร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการฐานข้อมูลร่วมกันในการจัดการสถานการณ์การแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์ฉุกเฉินจากภัยพิบัติ ของโรงงานในพื้นที่
"สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสายพันธ์ใหม่ที่มีการแพร่กระจายรวดเร็วมากขึ้น กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรอ. ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ดังกล่าว"