เตรียมรับ ‘คลื่นคนจีน’ นั่งรถไฟเที่ยวอีสาน

17 พ.ย. 2564 | 07:13 น.

สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวฯจับมือทีเส็บเดินสายอีสาน ปลุกจับคู่ธุรกิจทำเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ รับคลื่นคนจีนทะลักเข้าพื้นที่หลังเปิดเดินรถไฟจีน-ลาว และจีนไฟเขียวให้เดินทางออกนอกประเทศ เพิ่มเติมจากเส้นทางถนน R3A-อีอีซี เดิม

นายทินกร ทองเผ้า ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) ภาคอีสาน และรองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สทน. ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์กรมหาชน) (TCEB) จัดการประชุม GMS LOGISTIC Business MICE Roadshow ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจไมซ์ หน่วยงานในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาตามนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล

กิจกรรมนี้เพื่อหารือ ทำ Business Matching และเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ไว้รองรับคนเดินทางจากต่างประเทศ ที่จะเข้ามาท่องเที่ยว ประชุมสัมมนา (ไมซ์) ที่คาดว่าจะมีเป็นจำนวนมาก หลังการเปิดเดินรถไฟจีน-ลาว และทางการจีนอนุญาต ให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลางปี 2565 หลังจากที่มีการปิดประเทศมานานจากการระบาดเชื้อโควิด-19

การประชุมจับคู่ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภาคอีสานเตรียมรับการเดินทางใหม่หลังโควิด-19

เตรียมรับ ‘คลื่นคนจีน’ นั่งรถไฟเที่ยวอีสาน

ทั้งนี้ เส้นทางท่องเที่ยวเดิมจากจีนตอนใต้ เริ่มที่เมืองเชียงรุ้ง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ผ่านถนนหมายเลข R3A มายังชายแดนลาวที่เมืองบ่อหาน-เมืองบ่อเตน สปป.ลาว ถึงเมืองบ่อแก้ว ข้ามสะพานข้ามแม่นํ้าโขงไทย-ลาว ที่อ.เชียงของ จ.เชียงราย

ผ่านภาคกลาง กรุงเทพฯ ไปสู่พื้นที่อีอีซี ซึ่งเป็นแหล่งลงทุนใหม่ และเมืองท่องเที่ยวชายทะเลภาคตะวันออก มีบางส่วนผ่านภาคเหนือเข้าอีสาน สู่ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ หรือลงชายทะเลภาคตะวันออก

เตรียมรับ ‘คลื่นคนจีน’ นั่งรถไฟเที่ยวอีสาน

เตรียมรับ ‘คลื่นคนจีน’ นั่งรถไฟเที่ยวอีสาน

อีกเส้นเป็นทางรถไฟจีน-ลาว ซึ่งจะเปิดบริการตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 2564 นี้ มีเดินรถประจำวัน วันละ 18 เที่ยว เป็นขบวนขนส่งสินค้า 14 เที่ยว และขบวนรถโดยสาร 4 เที่ยว สำหรับนักเดินทางที่นิยมเดินทางโดยรถไฟ จากเมืองคุนหมิงมายังเวียงจันทน์ สปป.ลาว

โดยคาดว่าผู้โดยสารส่วนหนึ่งจะกระจายข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวที่หนองคาย เข้าไทยสู่ภาคอีสานและพื้นที่ข้างเคียง และอาจเลยลงไปถึงภาคตะวันออกเพื่อท่องเที่ยวเมืองชายทะเล

รถไฟจีน-ลาวที่จะเปิดบริการเดินรถ 2 ธ.ค.2564 นี้

สทน.และ TCEB ร่วมทำกิจกรรมย่อย Business Matching ในพื้นที่หนองคาย อุดรธานี ขอนแก่น บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 1-5 พ.ย. 2564 เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ของพื้นที่ อาทิ ขั้นตอนผ่านเข้า-ออกด่านระหว่างประเทศ 

“เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักเดินทางท่องเที่ยว และการประชุมสัมมนา (ไมซ์) ของนักธุรกิจ นักลงทุน โดยเฉพาะกับการเดินทางท่องเที่ยวคาราวานรถตู้นอน ที่นักท่องเที่ยวของจีนมีความนิยมมากขึ้นเป็นลำดับ แต่ยังเป็นของใหม่สำหรับประเทศไทย และนักท่องเที่ยวประเภทต่างๆ ที่จะเดินทางผ่านเข้ามาในประเทศไทย ตามเส้นทาง R3A และทางรถไฟจีน-ลาว โดยอีกส่วนหนึ่งจะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศ สปป.ลาว เวียดนาม เป็นต้น” นายทินกร กล่าว

เตรียมรับ ‘คลื่นคนจีน’ นั่งรถไฟเที่ยวอีสาน

ภาคอีสาน ต้องเตรียมความพร้อมในพื้นที่ไว้รองรับ นำไปสู่การทำการตลาดซื้อ-ขายสินค้าท่องเที่ยว และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย กับบริษัททัวร์ในพื้นที่ประเทศ สปป.ลาว และเมืองสำคัญของจีนตอนใต้ อาทิ เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา เพื่อดึงดูดนักเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยและเข้าสู่ภาคอีสานด้วย

นายทินกรกล่าวอีกว่า ภาคอีสานได้ประโยชน์ จากนักเดินทางต่างชาติเข้าไทย ในทางกลับกันเป็นการสร้างโอกาสให้นักท่องเที่ยวไทย ได้มีโอกาสเดินทางข้ามไปท่องเที่ยวในประเทศ สปป.ลาว จีนตอนใต้

โดยไปใช้บริการรถไฟจีน-ลาวได้ถึงเมืองคุนหมิงผ่านภาคอีสาน ทั้งทางรถไฟไปลงที่จังหวัดหนองคาย หรือทางเครื่องบินมาลงที่สนามบินอุดรธานี แล้วต่อรถยนต์ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว (หนองคาย-เวียงจันทน์)

นายทินกรกล่าวว่า ขอฝากถึงรัฐบาลและผู้บังคับบัญชาตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กรณีของการอนุญาตวีซ่าที่หน้าด่าน Visa on Arrival ควรต้องแก้ไขระเบียบให้เกิดความคล่องตัว เพิ่มความสะดวกแก่นักเดินทางท่องเที่ยวเป็นกลุ่ม (กรุ๊ปทัวร์)

โดยเฉพาะที่ผ่านบริษัทท่องเที่ยวท้องถิ่น ที่ถูกต้องตามกฎหมายการท่องเที่ยวของไทย ขอให้สามารถยื่นเอกสารขอวีซ่าหน้าด่านล่วงหน้าได้ เหมือนกับที่ประเทศจีนถือปฏิบัติ

ทั้งยังเป็นการช่วยเหลือทางราชการ ในการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐานต่างๆ ของนักท่องเที่ยวเดินทาง รวมถึงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามข้อกำหนด ซึ่งต้องละเอียด ถูกต้อง ไม่เสียเวลา เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงด่าน เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบเอกสาร ภาพถ่าย ถ้าตรงกับนักท่องเที่ยวก็อนุญาตให้ผ่านได้โดยเร็ว ลดความแออัด และเป็นมาตรการเว้นระยะห่าง รักษาความปลอดภัยการแพร่เชื้อได้อีกทาง ประหยัดเวลาเจ้าหน้าที่ เกิดความสะดวกรวดเร็ว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ประเทศไทย

“ขอให้มีการเตรียมความพร้อมในการรองรับคลื่นของนักท่องเที่ยวจีน ที่จะเดินทผ่านด่านสากลต่างๆ เข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก อย่าให้เกิดภาพนักท่องเที่ยวต้องมายืนรอออหน้าด่านเป็นเวลานานๆ ทำให้สะดวกรวดเร็ว จะสร้างหน้าตาให้ประเทศในทางที่ดี” นายทินกรยํ้า 

ยงยุทธ ขาวโกมล/รายงาน
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,732 วันที่ 18-20 พฤศจิกายน พ.ศ.2564