ผวาราคาข้าวตกต่ำ จี้รัฐเร่ง “ประกันรายได้ข้าว” อุ้มชาวนา ด่วน!

03 ต.ค. 2564 | 12:01 น.

“ชาวนา” เริ่มเคลื่อนไหวแรง หลังจากมีกระแสข่าว “ราคาข้าวมีสัญญาณตกต่ำ” เขย่าขวัญ ความเชื่อมั่น เริ่มสั่นคลอน “ปราโมทย์” จี้รัฐเร่ง “ประกันรายได้ข้าว” ค้ำประกันช่วย อุ่นใจ ประกันรายได้ ประกันราคาข้าวขั้นต่ำ ประคองชีวิตยุคโควิด

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  เป็นประธานในที่ประชุม และ ในฐานะประธานกรรมการ ในคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ได้มีมติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 รอบที่1 พร้อมกับโครงการคู่ขนาน เม็ดเงิน 1.5 แสนล้านบาท  ยังไม่รวมโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 เป้าหมาย 4.69 ล้านครัวเรือน ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ อัตราไร่ละ  1000  บาท วงเงินงบประมาณ 54,972.72 ล้านบาท  

 

 

5 ชนิดlข้าว ในโครงการประกันรายได้ข้าว

 

"เกษตรกร"  ผู้มีสิทธิได้รับการชดเชย "ประกันราคาข้าว" 5 ชนิด  ต้องขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรหลังปลูก 15-60 วัน  ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน  ถึง 31 ตุลาคม 2564 และภาคใต้ วันที่ 16 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565  งวดแรกจ่ายวันที่ 15 ตุลาคม โดยมีทั้งหมด 33 งวด ซึ่งงวดสุดท้ายวันที่ 27 พ.ค. 2565 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ  "ธ.ก.ส." จ่ายเงินส่วนต่างเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ภายใน 3 วันทำการ  ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวแล้ว

 

ปราโมทย์ เจริญศิลป์

 

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”  ตามที่เคยมีข่าวโครงการประกันรายได้ ของภาครัฐ สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ขอให้รัฐบาลเร่งมือออกโครงการ และประชาสัมพันธ์ให้ ชาวนาทราบ เพราะข้าวนาปีก็เริ่มเก็บเกี่ยวและชาวนาจะได้รับรู้รับทราบถึงนโยบาย การช่วยเหลือของภาครัฐ อย่างชัดเจนจะได้มีความอุ่นใจ ว่ารัฐบาลคอยดูแลช่วยเหลือ

“ สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ได้ทราบข่าวดีจากนายเกรียงศักดิ์ ตาปนานน์ ที่ปรึกษาสมาคมชาวนาฯ ว่า บริษัทธนสรรไรซ์ ซึ่งเป็นโรงสีภาคีพันธมิตรสมาคมชาวนาฯ ได้มีการส่งมอบข้าวให้ประเทศอิรัก ชุดที่2จำนวน44,000ตัน รวม2ครั้ง 88,000ตัน และกลางเดือน ตุลาคมที่จะถึงนี้ อีก44,000ตัน"

 

"ธนสรรไรซ์" ส่งข่าวให้ อิรัก

 

นายปราโมทย์ กล่าวว่า  ผมในฐานะนายก สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ขอขอบคุณ บริษัท ธนสรรคไรซ์ จำกัด ที่ดึงตลาดเก่ากลับมาได้ ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับชาวนา ทำให้ราคาข้าวเปลือกตึงตัวไม่ลงไปกว่านี้ ทำให้ประเทศไทยที่สามารถระบายข้าวสู่ตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น และขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ส่งออกทุกท่านที่ช่วยกันทำหน้าที่เซลล์แมนของประเทศ