"สุพัฒนพงษ์" ชี้ รัฐสร้างอีโคซิสเต็มผลักดันเอกชนลุยนวัตกรรมและเทคโนโลยี

19 ส.ค. 2564 | 07:46 น.

"สุพัฒนพงษ์" ชี้ ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งปรับตัว สร้างและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเต็มที่ ขณะที่ภาครัฐวางอินฟราสตรัคเจอร์ สร้างอีโคซิสเต็มเพื่อรองรับการขับเคลื่อนของภาคเอกชนเต็มที่ สอดรับ "โมเดลเศรษฐกิจแบบ 4D” โมเดลเศรษฐกิจแบบใหม่

นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในงาน Virtual Seminar เรื่อง Thailand Next Innovation Beyond Business โอกาสนวัตกรรมเศรษฐกิจ ของกลุ่มเนชั่นว่า เศรษฐกิจนวัตกรรมเทคโนโลยี จะเป็นรูปแบบเศรษฐกิจใหม่ที่เกิดขึ้นและเข้ามาช่วยฟื้นฟูประเทศไทย หลังจากสถานการณ์โควิด -19 ผ่านไป เพราะฉะนั้น ภาครัฐ จึงมีการลงทุนเตรียมพร้อมในเรื่องของอินฟราสตรัคเจอร์ พร้อมสร้างอีโคซิสเต็ม เพื่อรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนวัตกรรมเทคโนโลยี ที่ทั้งภาครัฐและเอกชนจะเดินหน้าต่อไป 

ประเทศที่มีความก้าวหน้าทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี มีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดในสถานการณ์โควิด -19 ขณะนี้ เพราะสามารถใช้ระยะเวลาอันสั้นเพียงปีกว่าๆ ก็สามารถพัฒนาวัคซีนขึ้นมาจัดการกับไวรัสโควิด -19 ได้ จากเดิมที่การค้นคิดวัคซีนแต่ละชนิดใช้ระยะเวลามากถึง 8 ปี ที่เห็นได้ชัดคือ วัคซีน mRNA  ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่เกิดขึ้นในช่วงของโควิด สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ไทยต้องหันกลับมาให้ความสนใจและพัฒนานวัตกรรมอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม เรื่องของเทคโนโลยีดิจิทัล ผู้ประกอบการไทยมีการปรับตัวมาตลอด ทำให้ธุรกิจของภาคเอกชนเดินหน้าได้ต่อเนื่อง และขณะนี้ได้มีการปรับตัวที่รวดเร็วมากขึ้น มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจปัจจุบัน ในช่วงที่ผ่านมา เร่ื่องของนวัตกรรมและเทคโนโลยี ผู้ประกอบการไทยอาจไม่เข้มแข็งมากนัก โดยเฉพาะองค์กรขนาดเล็ก เพราะไปมุ่งเน้นการซื้อเทคโนโลยี ซึ่งง่ายและสะดวก ไทยยังพึ่งพาแรงงานต่างด้าวเยอะ เพราะขณะนี้ไทยขาดแรงงานเนื่องจากกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยไม่ยังมีการลงทุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีค่อนข้างน้อย ทำให้เป็นจุดอ่อนของไทย

ขณะนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ประกอบการได้ขับเคลื่อนเรื่องของนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ โดยการลงทุนอินฟราสตรัคเจอร์ และอีโคซิสเต็ม เพื่อรองรับความต้องการของภาคเอกชนในการเดินหน้าเรื่องการลงทุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ผ่าน "โมเดลเศรษฐกิจแบบ 4D" ได้แก่ 1.Digitalization คือการส่งเสริมเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การลดกฎระเบียบ การพัฒนาศูนย์กลางข้อมูล (Data center) ให้มีความพร้อมรับเศรษฐกิจดิจิทัลที่จะเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ 2.Decarbonization หรือการมุ่งเน้นการส่งเสริมการผลิตที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และมลภาวะ 

3.Decentralization ซึ่งเบื้องต้นจะเน้นใน 5 อุตสาหกรรมที่ไทยมีฐานการผลิตและมีความเชี่ยวชาญได้แก่ อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ทั้งยานยนต์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยวและการดูแลสุขภาพ และดิจิทัล โดยในระยะเร่งด่วนตั้งเป้าหมายดึงกลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการดูแลสุขภาพเข้ามาก่อน เพราะสามารถทำได้เร็ว และ 4.D-risk คือใช้ประโยชน์จากแนวโน้มการลดความเสี่ยงในเรื่องของการซื้อที่อยู่อาศัยในต่างประเทศ โดยต้องทำอย่างไรให้จุดแข็งของไทยในเรื่องการควบคุมโควิด-19 ได้ดี ระบบสาธารณสุขที่ดีมีอาหารที่ดีราคาไม่แพงเป็นจุดแข็งที่จะดึงดูให้ผู้มีรายได้สูงมาอยู่ในไทยในระยะยาวและมาซื้ออสังหาริมทรัพย์อยู่ในไทยเพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2