เพิ่งผ่านพ้นไปในการรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ปี 2561-2580 (AEDP 2018) ที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้เดินสายจัดทั่วประเทศไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา เพื่อนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุง ให้สอดรับกับนโยบายและเป้าหมายของกระทรวงพลังงานที่กำหนดแผนการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนให้เกิดขึ้นในระดับไม่น้อยกว่า 30% ของการใช้พลังงานทั้งหมด
หากมาดูเนื้อในจะพบว่า แผนดังกล่าว กำหนดการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ตามแผนเดิม ปี 2579 จะติดตั้งให้ได้รวม 6,000 เมกะวัตต์ โดยสิ้นปี 2560 ดำเนินการแล้ว 2,849 เมกะวัตต์ ในแผนใหม่จะติดตั้งระหว่างปี 2561-2580 อีก 12,725 เมกะวัตต์ แยกเป็นโซลาร์ภาคประชาชน 10,000 เมกะวัตต์ และโซลาร์แบบทุ่นลอยนํ้า 2,725 เมกะวัตต์ รวมมีเป้าหมาย สิ้นปี 2580 อยู่ที่ 15,574 เมกะวัตต์
ขณะที่การพัฒนาพลังงานชีวมวล แผนเดิมอยู่ที่ 5,570 เมกะวัตต์ สิ้นปี 2560 ดำเนินการแล้ว 2,290 เมกะวัตต์ มีแผนจะติดตั้งระหว่างปี 2561- 2580 อีก 3,496 เมกะวัตต์ รวมมีเป้าหมาย สิ้นปี 2580 อยู่ที่ 5,786 เมกะวัตต์ ส่วนการพัฒนา ก๊าซชีวภาพ (นํ้าเสีย/ของเสีย) ตามแผนเดิมอยู่ที่ 600 เมกะวัตต์ สิ้นปี 2560 ดำเนินการแล้ว 382 เมกะวัตต์ มีแผนจะติดตั้งระหว่างปี 2561-2580 อีก 546 เมกะวัตต์ รวมมีเป้าหมายสิ้นปี 2580 อยู่ที่ 928 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ ในแผน AEDP 2018 จะมีการผลิตไฟฟ้ารูปแบบใหม่ที่ไม่มีในแผน AEDP 2015 เป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยนํ้า โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 2,725 เมกะวัตต์ และมีการเพิ่มเป้าหมายของโรงไฟฟ้าขยะจากเดิม 500 เมกะวัตต์ เป็น 900 เมกะวัตต์ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการจัดการขยะซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ และการส่งเสริมผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ จากพืชพลังงาน ไม่มีการบรรจุอยู่ในแผนแต่อย่างใด จากแผนเดิมที่เคยกำหนดไว้ราว 680 เมกะวัตต์
การไม่กำหนดพืชพลังงานอยู่ในร่างแผน AEDP2018 ทางพพ.ได้ให้เหตุผลว่าปัจจุบันยังมีต้นทุนการผลิตสูงหากมีการส่งเสริมให้เกิดการผลิตไฟฟ้า ก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงาน จะทำให้ประชานต้องรับภาระในการ จ่ายไฟฟ้าที่มีราคาสูงขึ้น
หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,517 วันที่ 27 - 30 ตุลาคม พ.ศ. 2562