KEY
POINTS
นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผย 'ฐานเศรษฐกิจ' ว่า เนื่องจากฐานการส่งออกในปี 2568 อยู่ในระดับสูงมากมีโอกาสกว่า 10% จึงอาจจะส่งผลให้ทิศทางการส่งออกในปี 2569 การเติบโตอาจจะไม่ได้สูงมาก ซึ่งทาง สรท. ได้มีการประมาณการณ์ตัวเลขไว้ 2-4%
โดยภาพรวมการส่งออกไทยในปี 2569 ยังต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งจากฐานสูง ค่าเงินบาทแข็ง คำสั่งซื้อที่ชะลอ และความไม่แน่นอนด้านภาษีและการค้าโลก
ทั้งนี้ ค่าเงินบาทแข็งเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่กดดันการส่งออกไทยในปี 69 ซึ่งปัจจุบันเคลื่อนไหวในระดับแข็งค่าประมาณ 31 บาทต่อดอลลาร์ และมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกเมื่อคำนวณเป็นเงินบาทลดลง แม้ปริมาณการส่งออกในรูปดอลลาร์อาจยังขยายตัวได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการส่งออกในรูปสกุลเงินดอลลาร์ ยังพอมีโอกาสเติบโตในกรอบ 2-4% แต่ก็ถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา และต่ำกว่าที่ภาคธุรกิจต้องการเพื่อพยุงการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม
นายธนากร ระบุว่า สำหรับแนวโน้มออเดอร์คำสั่งศื้อสินค้าในปี 2569 คำสั่งซื้อจากต่างประเทศยังมีเข้ามา แต่ลดลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปี 2568 สาเหตุสำคัญมาจากการที่คู่ค้าต่างประเทศได้เร่งตุนสินค้าไว้จำนวนมากในช่วงปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่การส่งออกของไทยเติบโตสูง
สำหรับกลุ่มสินค้าที่น่ากังวล ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าเกษตรพื้นฐานที่ไม่มีการแปรรูป โดยเฉพาะข้าวและยางพารา ซึ่งปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการหดตัวแล้ว ซึ่งราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ผันผวน ความต้องการที่ชะลอลง และการแข่งขันจากประเทศคู่แข่ง ล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันการส่งออกสินค้าเกษตรไทยในปีหน้า
'สินค้าเกษตรพื้นฐานมากๆ อย่างข้าว ยางพารา ตัวเลขตอนนี้แสดงสัญญาณติดลบอยู่แล้ว ปีหน้าก็มีโอกาสจะใกล้เคียงกับที่เห็นในปัจจุบัน'
ขณะที่สินค้าที่ยังมีโอกาสเติบโตเป็นกลุ่มสินค้าที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานโลก (supply chain) และเป็นวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่ประเทศคู่ค้าจำเป็นต้องนำไปใช้ต่อในการผลิต เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสินค้าเกษตรแปรรูป โดยการปรับตัวของผู้ประกอบการไทยไปสู่การผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และเชื่อมโยงกับห่วงโซ่การผลิตโลก จะเป็นปัจจัยสำคัญในการพยุงการส่งออกในระยะต่อไป