‘ยกเลิก’ หรือ ‘ไม่ยกเลิก’ ล็อกดาวน์ อีกบทเรียนจากอังกฤษวิชารับมือโควิด-19

29 มิ.ย. 2564 | 10:28 น.

รัฐบาลอังกฤษยืนยันเดินหน้ายกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ 19 ก.ค.นี้แม้ยอดติดโควิดยังพุ่งอยู่ รมว.สธ.คนใหม่ให้เหตุผลชัดๆว่า เพราะประชาชนและภาคธุรกิจต้องการความชัดเจน-แน่นอน

รัฐบาลอังกฤษ ตกที่นั่งลำบากเหมือนอีกหลาย ๆประเทศที่ยังคงถูก โรคระบาดโควิด-19 รุมเร้าอย่างหนักจนต้องประกาศ ใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมเชื้อร้ายให้อยู่หมัด แต่จนถึงขณะนี้ สถานการณ์จริงยังไม่เข้าทางสิ่งที่รัฐบาลตั้งไว้ ไวรัสโควิดกลายพันธุ์“สายพันธุ์เดลตา” ที่ตรวจพบครั้งแรกในประเทศอินเดีย ยังคงออกฤทธิ์ระบาดไวทำให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งแรง จนเกิดคำถามว่า รัฐบาลอังกฤษจะยังเดินหน้ายกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ได้ตามแผนที่วางไว้หรือไม่

วันนี้ (29 มิ.ย.) กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษยังคงยืนยันว่า จะเดินหน้า “ยกเลิก” มาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 19 ก.ค. ตามที่ตั้งใจไว้แม้ตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อจะยังพุ่งขึ้นทำสถิตินิวไฮ 

นายซาจิด จาวิด อดีตรัฐมนตรีคลังที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ของอังกฤษหลังนายแมตต์ แฮนค็อก รมว.สธ.คนเก่ายื่นลาออกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (26 มิ.ย.) ยืนยันว่า เขาต้องการให้อังกฤษยกเลิกมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งหมดตามกำหนดเดิม คือในวันที่ 19 ก.ค.ที่กำลังจะมาถึง แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอังกฤษจะยังคงพุ่งขึ้นในระยะนี้

ซาจิด จาวิด

จาวิดให้เหตุผลว่า เขามองไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องล็อกดาวน์ทั้งประเทศนานกว่าวันที่ 19 ก.ค.

“ทุกคนรู้ว่าเราไม่สามารถที่จะกำจัดโควิด-19 ได้หมดจด เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน และเราทุกคนรู้ดีว่าประชาชนและภาคธุรกิจต้องการความแน่นอน วันที่ 19 ก.ค.จึงเป็นเป้าหมายของเรา" นายจาวิดในฐานะรัฐมนตรีสาธารณสุขกล่าวต่อสภาสามัญชน หรือสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษในวันนี้

เห็นได้ชัดว่า เขาไม่ต้องการให้อนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศแขวนอยู่บนความไม่แน่นอนซึ่งขึ้นอยู่กับไวรัสโควิด-19 ที่จนถึงขณะนี้ก็ยังยากจะควบคุม อังกฤษเลือกที่จะยึดมั่นกับเป้าหมายการปลดล็อกดาวน์ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ เพื่อที่ภาคธุรกิจและประชาชนจะสามารถวางแผนและรู้แน่นอนว่าพวกเขาจะทำอะไรได้หรือไม่ได้บ้างหลังจากนี้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็พยายามทำทุกวิถีทางที่จะเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้  

นายจาวิดคนนี้ เคยเป็นทั้งอดีตรัฐมนตรีคลังและอดีตรัฐมนตรีมหาดไทยของอังกฤษ ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขแทนนายแมตต์ แฮนค็อกที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันเสาร์เพื่อแสดงความรับผิดชอบหลังจากที่เขา (นายแฮนค็อก) ละเมิดแนวปฏิบัติในการรักษาระยะห่างทางสังคม (โดยมีคนพบเขากอดจูบผู้ช่วยของตัวเองที่กำลังคบกันอยู่ในที่สาธารณะ) ที่สำคัญคือเรื่องนี้เป็นข่าวฉาวไม่เพียงเฉพาะเขาละเมิดการรักษาระยะห่างทางสังคม แต่เพราะนายแฮนค็อกเองมีภรรยาอยู่แล้ว สิ่งที่เขาและผู้ช่วยสาวถูกจับได้จึงเป็นการคบซ้อน ซึ่งสาธารณชนแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมากต่อประเด็นดังกล่าว  

กลับมาที่เรื่องโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (ของวันที่ 28 มิ.ย.) อังกฤษยังคงพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 22,868 ราย ซึ่งเป็นสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.เป็นต้นมา ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ที่ 4,755,078 ราย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 3 รายวานนี้ สู่ระดับ 128,103 รายทั่วประเทศ

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อเร็ว ๆนี้ว่า "ทุกวันที่ผ่านไป ผมและที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นว่า เราน่าจะมาถึงจุดสิ้นสุด (ของมาตรการคุมเข้ม) ในวันที่ 19 ก.ค. และน่าจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างที่เคยเป็นก่อนโควิดระบาด"

รัฐบาลอังกฤษกำหนดให้วันที่ 19 ก.ค.นี้ เป็น "วันแห่งอิสรภาพ" (Freedom Day) ปลดแอกประชาชนและภาคธุรกิจจากมาตรการล็อกดาวน์ เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างมากว่าท่ามกลางสถานการณ์ที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นอยู่นั้น รัฐบาลอังกฤษจะเดินหน้าทำตามเป้าหมายที่ว่านี้ได้อย่างไร เพราะหลายประเทศเช่นอิสราเอล ปลดล็อกไปแล้วกลับต้องเผชิญกับยอดการติดเชื้อที่พุ่งขึ้นมาใหม่ โจทย์ใหม่ที่ท้าทายนี้หากอังกฤษทำได้ ก็จะเป็นต้นแบบที่หลายประเทศน่าจะนำไปปรับใช้ได้เช่นกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง