พ้นตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อไหร่ "โดนัลด์ ทรัมป์" มี 6 คดีนี้รออยู่

11 พ.ย. 2563 | 10:33 น.

เมื่อพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนม.ค.ปีหน้า “โดนัลด์ ทรัมป์” อาจจะต้องเผชิญกับการฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาไม่ต่ำกว่า 6 คดี

 

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เหลือเวลาอีกเพียงราว 70 วัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็จะ พ้นจากตำแหน่ง ในทำเนียบขาว มีความเป็นไปได้ว่าเมื่อเขาหมดเอกสิทธิ์คุ้มครองตามกฎหมายในฐานะประธานาธิบดีแล้ว ก็จะต้อง พบกับคดีฟ้องร้องอย่างน้อย 6 คดี  

โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะพ้นจากตำแหน่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ก่อนหน้านี้ มีคดีอาญาและแพ่งจำนวนมากที่ฝ่ายโจทก์ไม่สามารถดำเนินคดีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ เนื่องจากมีเอกสิทธิ์คุ้มครองตามกฎหมายภายใต้ตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ แต่เมื่อเขาพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนม.ค.ปีหน้า (2564) มีอย่างน้อย 6 คดีที่เขาพัวพันและอาจต้องถูกไต่สวนดำเนินคดี    

 

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สื่อใหญ่ของสหรัฐรวบรวมคดีความทั้ง คดีแพ่งและคดีอาญา ที่กำลังต่อสู้กันอยู่ในชั้นศาลหรือยังไม่หมดอายุความ และมีความเกี่ยวข้องกับปธน.ทรัมป์  6 คดีดังกล่าว ได้แก่

 

1) คดีเกี่ยวกับบริษัท เดอะ ทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน (The Trump Organizaion) อยู่ในความดูแลของสำนักงานอัยการแขวงแมนฮัตตัน บริษัทดังกล่าวถือหุ้นในการดำเนินกิจการทั้งหมดในปัจจุบันของปธน.ทรัมป์ ก่อตั้งมาตั้งแต่รุ่นย่าและพ่อของเขา ธุรกิจที่เดอะ ทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน ดำเนินการอยู่ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การลงทุน การเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การทำตลาดและการจัดการทรัพย์สิน ทั้งยังลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัย โรงแรม รีสอร์ท และสนามกอล์ฟในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

 

คดีนี้เป็นคดีอาญาเกี่ยวเนื่องกับนายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความของทรัมป์ ที่ถูกกล่าวหาเป็นผู้จ่ายเงินปิดปากสตรีหลายคน หนึ่งในนั้นเป็นอดีตนางแบบโป๊ ที่อ้างว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับทรัมป์สมัยที่กำลังหาเสียงเพื่อลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2559 โคเฮนให้ปากคำต่อสภาคองเกรสว่า ทรัมป์รับรู้เกี่ยวกับการจ่ายเงินปิดปากดังกล่าว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

 

คดีนี้ทำให้นายโคเฮน ถูกจำคุก 3 ปี เนื่องจากมีการปิดบังความจริงก่อนทรัมป์จะลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อ 4 ปีที่แล้ว การไต่สวนคดียังโยงไปถึงทรัมป์ในเรื่องที่มาของเงิน(ที่จ่ายปิดปาก) เนื่องจากอัยการมองว่าเป็นไปไม่ได้ที่ทนายความ จะออกเงินจำนวน 130,000 ดอลลาร์ ให้กับลูกความซึ่งก็คือทรัมป์

โดนัลด์ ทรัมป์ ตกที่นั่งลำบากเมื่อไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความ ให้การพาดพิงในหลายเรื่อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ไม่เพียงเท่านั้น การต่อยอดคดียังนำไปสู่การสืบค้นหลักฐานว่า ทรัมป์และบริษัทของเขา คือ เดอะ ทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน มีส่วนเกี่ยวพันหรือไม่กับการโกงบัญชีธนาคาร โกงประกัน โกงภาษี และปลอมแปลงข้อมูลทางธุรกิจ ข่าวระบุว่า ทรัมป์พยายามหาทางระงับหมายศาลที่พยายามขอเข้ามาตรวจสอบข้อมูลการชำระภาษีย้อนหลัง 8 ปีและข้อมูลทางการเงินของเขา

2) คดีเกี่ยวกับการกล่าวอ้างและแสดงมูลค่าทรัพย์สินของทรัมป์ อยู่ในความดูแลของอัยการสูงสุดมลรัฐนิวยอร์ก คดีนี้เกี่ยวเนื่องกับคำให้การของนายโคเฮน อดีตทนายความของทรัมป์ ที่เคยให้ปากคำเกี่ยวกับทรัมป์และสมาชิกครอบครัวของเขา ที่ว่าบุคคลเหล่านี้แสดงมูลค่าสินทรัพย์ให้สูงเกินจริงอยู่หลายครั้งหากได้ประโยชน์ เช่น เมื่อต้องการให้มีชื่อติดอันดับมหาเศรษฐีโลกของนิตยสารฟอร์บส์ แต่บางครั้งก็สำแดงมูลค่าสินทรัพย์ต่ำกว่าความเป็นจริงเมื่อต้องการเสียภาษีอสังหาริมทรัพย์ต่ำกว่าความเป็นจริง

 

เลติเทีย เจมส์ อัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์กเปิดเผยว่า เธอจะไต่สวนเรื่องนี้เพื่อพิสูจน์ว่าการบิดเบือนตัวเลขมูลค่าสินทรัพย์เหล่านี้ถึงขั้นที่เข้าข่ายฉ้อโกงหรือไม่ เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา “เอริค” บุตรชายของทรัมป์ที่ดูแลงานด้านการเงินให้กับบริษัท เดอะ ทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน เพิ่งให้ปากคำเกี่ยวกับเรื่องนี้     

 

 3) คดีการละเมิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องของค่าตอบแทนและเงินเดือน (Emoluments Clause) อยู่ในความดูแลของอัยการสูงสุดรัฐแมรีแลนด์และเขตปกครองพิเศษวอชิงตัน ดีซี  คดีนี้ย้อนกลับไปในปี 2560 ทรัมป์ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ถูกกล่าวหาว่าละเมิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องของค่าตอบแทนและเงินเดือน ที่ระบุไว้ว่า ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐรับเงินและของกำนัลจากรัฐบาลต่างชาติโดยไม่ผ่านการยินยอมจากสภาคองเกรส เป้าหมายของรัฐธรรมนูญก็เพื่อป้องกันไม่ให้ต่างชาติเข้ามามีอิทธิพลและแทรกแซงการทำงานของรัฐบาลสหรัฐ  ซึ่งกรณีนี้ อัยการมองว่าทรัมป์อาจจะได้รับประโยชน์จากการที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างชาติมาเข้าพักและจับจ่ายใช้สอยในโรงแรมที่อยู่ในเครือบริษัทของเขา  


4) คดีหมิ่นประมาทที่ยื่นฟ้องโดย จีน แคร์รอล (Jean Carroll) เมื่อไม่นานมานี้ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะเริ่มขึ้น ผู้พิพากษารัฐบาลกลางสหรัฐ ได้ปฏิเสธความพยายามของปธน.ทรัมป์ที่กระทำผ่านทนายของกระทรวงยุติธรรม ที่ต้องการให้ศาลยกฟ้องคดีที่เขาถูกสตรีผู้นี้กล่าวหาว่าเธอเคยถูกทรัมป์ล่วงละเมิดทางเพศเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ทรัมป์ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยระบุว่า แคร์รอล "ไม่ใช่ผู้หญิงแนวที่เขาชอบ" อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนไต่สวนของศาล

จีน แคร์รอล (ขวา) ฟ้องทรัมป์ล่วงละเมิดทางเพศเธอเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ซ้ำยังหมิ่นประมาทเธออีกด้วย

5) คดีหมิ่นประมาท ยื่นฟ้องโดยซัมเมอร์ เซอร์วอส (Summer Zervos) หนึ่งในผู้เข้าร่วมแข่งขันในรายการเรียลลิตีโชว์ “The Apprentice” ของทรัมป์ สมัยที่เขายังเป็นผู้จัดและพิธีกรรายการดังกล่าว เธอยื่นฟ้องเขาในปี 2560 โดยระบุว่า ทรัมป์ล่วงละเมิดทางเพศเธอในปี 2550 และในความพยายามที่จะปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ ทรัมป์ได้กล่าวหมิ่นประมาทเธอ ทำให้เธอตัดสินใจฟ้องเขา

 

ปลายปี 2562 ศาลปฏิเสธคำร้องของทรัมป์ที่ต้องการให้ยกฟ้องคดีนี้ อย่างไรก็ฤตาม การสอบปากคำและการขอพยานหลักฐานจากฝ่ายทรัมป์ ถูกระงับไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าเขาจะพ้นจากตำแหน่ง

6) คดี “แมรี ทรัมป์” เธอคนนี้เป็นหลานของเขาเอง และเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีที่ชื่อ "Too Much and Never Enough: How My Family Created the World's Most Dangerous Man" ที่ออกมาแฉว่าทรัมป์ และสมาชิกคนอื่น ๆในครอบครัว ได้ร่วมกันฉ้อโกงทำให้เธอไม่ได้ส่วนแบ่งที่ควรจะได้จากทรัพย์สินของนายเฟรด ทรัมป์ ซีเนียร์ ซึ่งเป็นพ่อของปธน.ทรัมป์ เธอตัดสินใจยื่นฟ้องเขาในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา

 

ซีเอ็นเอ็นรายว่า นอกจากทั้ง 6 คดีที่กล่าวมานี้ วิบากกรรมที่ทรัมป์อาจจะต้องเผชิญเมื่อเขาพ้นจากตำแหน่งต้นปีหน้ายังอาจมาในรูปของการถูกไต่สวนและดำเนินคดีในกรณีพยายามขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ไม่ให้มีการตรวจสอบการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 ซึ่งรวมถึงเรื่องการแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐโดยรัสเซียในปีนั้น ทั้งนี้ ในการให้ปากคำต่อสภาคองเกรสในเดือนก.ค. 2562 นายโรเบิร์ต มุลเลอร์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ระบุว่า เขาเชื่อว่าทรัมป์อาจจะถูกดำเนินคดีทันทีที่ก้าวพ้นจากตำแหน่งและหมดเอกสิทธิ์ความคุ้มครอง