ประวัติ "โดนัลด์ ทรัมป์" ในมุมที่น่ารู้จัก

02 พ.ย. 2563 | 23:29 น.

เลือกตั้งสหรัฐ ทำความรู้จักเปิดประวัติ "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา

นาย "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา อาจจะมีภาพลักษณ์ที่คุ้นตาในความเป็นคนเด็ดเดี่ยว โผงผาง ทำอะไรฉับไว คำพูดคำจาหากเป็นคำพูดที่ส่งถึงฝ่ายตรงข้าม ทรัมป์พร้อมจะจัดหนัก ใส่เต็มอยู่เสมอ แต่ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วเช่นกันเมื่อสถานะความสัมพันธ์แปรเปลี่ยนไป สะท้อนชัดจากกรณีนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือที่เคยเป็นอริกันมา ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างไม่ไว้หน้า แต่เมื่อถึงจุดที่รอมชอมกันได้ ปฏิกิริยาของทรัมป์ที่มีต่อคิมก็กลายเป็นหวานชื่น เปี่ยมด้วยมธุรสวาจาได้อย่างที่โลกต้องตะลึงเช่นกัน

 

แต่ทั้งหมดทั้งมวลใน ประวัติชีวิตของโดนัลด์ ทรัมป์ นั้น ก็หล่อหลอมมาจากอุปนิสัยความเป็นคนจริง กล้าคิดกล้าทำ เป็นผู้บริหารที่มั่นใจในตนเอง และประสบความสำเร็จในสังเวียนธุรกิจมาก่อน  โดนัลด์ ทรัมป์ นั้นคือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่อายุเพียง 27 ปี เขาติดอันดับที่ 405 ของมหาเศรษฐีระดับโลกโดยการจัดอันดับของฟอร์บส์ในปี 2558 (ซึ่งเป็นปีก่อนการเลือกตั้งครั้งแรกของทรัมป์) ประมาณการว่ามูลค่าทรัพย์สินของทรัมป์ในขณะนั้นอยู่ที่หลัก 4,000 ล้านดอลลาร์

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ไม่เคยแพ้

ด้วยความที่เป็นคนดัง เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นอภิมหาเศรษฐีที่มีภาพลักษณ์เพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ที่มีสาวๆรายล้อม เมื่อเขาชนะการเลือกตั้งในปี 2559 ทรัมป์จึงกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐที่มีสีสันชีวิตจัดจ้านที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เคยมีมา ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่ทำให้ตลาดหุ้นดีดตัวขานรับได้อย่างคึกคักด้วยนโยบายลดภาษีและกระตุ้นการลงทุน ท่าทีของสหรัฐที่ห้าวหาญในการเจรจาต่อรองเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศแม้จะทำให้สหรัฐต้องสูญเสียประเทศคู่ค้าที่เป็นพันธมิตรไปบ้าง (จากการเปิดศึกการค้ารอบทิศ)  แต่ก็ทำให้สหรัฐได้รื้อฟื้นข้อตกลงการค้าที่เคยทำไว้ให้มีการปรับใหม่ เพื่อปรับสมดุลให้สหรัฐได้ประโยชน์มากขึ้น

 

อุปนิสัยอย่างหนึ่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเผชิญทุก ๆ ความท้าทายก็คือ เขาปฏิเสธความพ่ายแพ้ทุกวิถีทาง และชัยชนะเท่านั้นที่เป็นสิ่งบ่งบอกอัตลักษณ์ความเป็นตัวตนของเขา ความคิดเช่นนี้สะท้อนมุมมองของทรัมป์ที่มีต่อความพ่ายแพ้ เขาสามารถพลิกความคิดและทำให้มันกลายเป็นความสำเร็จได้อย่างดีเยี่ยม เรื่องนี้ “โทนี ชวาร์ตซ์” ผู้เขียนหนังสือ “ศิลปะแห่งการรับมือ” ให้ทรัมป์ในช่วงทศวรรษ 1980 กล่าวไว้ว่า ทรัมป์มีวิธีรับมือกับความพ่ายแพ้ นั่นคือการปฏิเสธว่ามันเคยเกิดขึ้น  

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปรียบมวย “นโยบายหาเสียง” ทรัมป์ vs ไบเดน หมัดต่อหมัด

ถอดรหัสจากโพล: คนกลุ่มไหนเทใจหนุน “ไบเดน”

“โควิด” เป็นปัจจัยทุบคะแนนนิยม ปธน.ทรัมป์ หนักที่สุด

 

ทรัมป์มองว่าในทุก ๆ ความล้มเหลว เช่นความล้มเหลวทางธุรกิจที่เขาก็เคยประสบพบพานมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการล้มเหลวในธุรกิจคาสิโน ความล้มเหลวของธุรกิจสายการบิน “ทรัมป์ ชัตเทิล” (Trump Shuttle) หรือความล้มเหลวในการทำลีกอเมริกันฟุตบอล USFL ซึ่งทุก ๆ ความล้มเหลวเหล่านี้ ทรัมป์ยังประกาศเอาดื้อๆ ว่ามันคือ “ชัยชนะ” ซึ่งมันอยู่ที่มุมมอง ว่าเขาได้อะไรจากบทเรียนความล้มเหลวเหล่านี้ ถ้าเขารู้สึกว่าได้ ทุก ๆ ความล้มเหลวก็คือชัยชนะ

ไม่ว่าในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ ทรัมป์จะพ่ายแพ้หรือคว้าชนะ ก็คงเป็นเหตุการณ์ที่ทรัมป์ยังคงชนะอยู่ดีด้วยมุมมองของตัวเขาเอง นักวิเคราะห์กล่าวว่า ถ้าแพ้คะแนนโหวตจริงทรัมป์อาจจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่าย ๆ อาจมีการฟ้องร้องขอให้มีการนับคะแนนเลือกตั้งใหม่ในบางพื้นที่ หรือฟ้องว่ามีการโกงเลือกตั้ง ซึ่งต้องรอติดตามผลกันต่อไป ระหว่างนี้ เราขอบันทึกประวัติชีวิตเขาไว้ว่า  

 

นาย “โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์” ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2559  เกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1946 ในย่านควีนส์ มหานครนิวยอร์ก เขาเป็นลูกคนที่ 4 จากพี่น้องทั้งหมด 5 คน มีชื่อเล่นว่า “The Donald” พ่อของเขาชื่อ นายเฟรเดริก ทรัมป์ เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่เป็นเจ้าของอาคารที่พักอาศัยสำหรับชนชั้นกลางหลายแห่งทั้งในย่านควีนส์ เกาะสแตเทน และบรุกลิน ทรัมป์ยังเกิดมาบนกองเงินกองทองก็ว่าได้

 

แม้กระนั้น ถึงจะกล่าวได้ว่าเกิดมาเป็นคุณหนู แต่ทรัมป์ในวัย 13 ปี ถูกส่งเข้าเรียนในโรงเรียนทหาร New York Military Academy เพื่อปลูกฝังระเบียบวินัย เขากลายเป็นดาวเด่นด้านกีฬา ก่อนจะย้ายไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม ในปี 1964 ตามด้วย Wharton School of Finance and Commerce ในมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียในอีก 2 ปีต่อมา ทรัมป์จบปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี 1968 และได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหารในช่วงสงครามเวียดนาม ก่อนที่จะเข้าทำงานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของพ่อตัวเองหลังเรียนจบ

 

ทรัมป์แสดงฝีมือด้านการบริหาร ซึ่งหนึ่งในผลงานการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ครั้งแรกๆ ของทรัมป์คือการซื้ออาคารที่พักอาศัยหลุดจำนองชื่อ Swifton Village ในเมืองซินซินนาติ รัฐโอไฮโอ ด้วยเงินลงทุนเพียง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ นำมาปรับปรุงก่อนจะขายต่อในมูลค่า 6.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทรัมป์ทาวเวอร์ในนิวยอร์ก

ปี 1973 ทรัมป์ประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่น่าจับตามองด้วยวัยเพียง 27 ปี เขาเป็นเจ้าของอาณาจักร The Trump Organization ที่มีอาคารที่พักอาศัยในครอบครองมากกว่า 14,000 ยูนิตทั่วทั้งย่านควีนส์ เกาะสแตเทน และบรุกลิน อาณาจักรธุรกิจของทรัมป์เติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 1982 เขาตัดริบบิ้นเปิดอาคาร Trump Tower ที่มีมูลค่าสูงกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นอาคารชุดที่อยู่อาศัยสุดหรู ร้านค้าชื่อดัง และแหล่งรวมคนดัง ซึ่งทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจระดับประเทศ

 

ปัจจุบันอาณาจักรธุรกิจของทรัมป์ ครอบคลุมธุรกิจรีสอร์ต สนามกอล์ฟ คาสิโน รวมถึงธุรกิจย่อย ๆ อีกหลายประเภท ทั้งก่อสร้าง สุขภาพและโรงพยาบาล บันเทิง สิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ บริการสินเชื่อ อาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจการศึกษา การท่องเที่ยว สายการบิน รวมถึงธุรกิจดูแลนางแบบและการจัดประกวดนางงาม

 

ชีวิตส่วนตัว ทรัมป์แต่งงาน 3 ครั้ง นางเมลาเนีย ซึ่งเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เป็นภรรยาจากการแต่งงานครั้งที่ 3 ของเขา  

ทรัมป์ เมลาเนีย และบาร์รอน บุตรชายที่เริ่มเป็นหนุ่มน้อยแล้ว

ทรัมป์มีบุตร 3 คน คือ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ , อิวังกา และเอริค จากการแต่งงานครั้งแรก (ภรรยาชื่ออิวานา เซลนิคโควา ) จากนั้นมีบุตรอีก 1 คือ ทิฟฟานี จากการสมรสครั้งที่สอง (กับมาร์ลา เมเปิ้ล) และสำหรับการสมรสครั้งที่สามกับเมลาเนีย ทั้งคู่มีบุตรชาย 1 คน คือ บาร์รอน