ทรัมป์เล่นเกมแรง ดึงแผนกระตุ้นศก. งวดใหม่ไว้หลังเลือกตั้ง

07 ต.ค. 2563 | 01:25 น.

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจงวดใหม่เป็นเครื่องมือต่อรองในการเลือกตั้ง โดยเขาประกาศว่า เมื่อ “ชนะการเลือกตั้ง” เขาก็จะผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ชาวอเมริกันและภาคธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตอนนี้เขาได้สั่งระงับการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกับพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นฝ่ายคู่แข่งไปจนหลังวันเลือกตั้งแล้ว

 

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาประกาศวานนี้ (6 ต.ค.) ว่า เขาได้สั่งการให้คณะบริหารของทำเนียบขาวระงับการเจรจาเกี่ยวกับการออก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ กับพรรคเดโมแครต ไปจนถึงหลัง วันเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

"ผมได้สั่งการให้คณะบริหารของผมระงับการเจรจาไปจนถึงหลังวันเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อผมชนะการเลือกตั้ง เราก็จะผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ทำงานหนัก และภาคธุรกิจขนาดเล็ก" ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความในวันอังคาร (6 ต.ค.) ตามเวลาสหรัฐ

 

การตัดสินใจดังกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากสหรัฐยังคงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ทรัมป์” ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ลั่นพร้อมลุยศึกเลือกตั้ง

อัพเดตอาการ “ทรัมป์” ป่วยโควิด : "ยังไหว"

ข่าว “ทรัมป์ติดโควิด” ทำสมาชิกครม. ยันคองเกรสนั่งไม่ติด

 

"ในทางตรงกันข้าม จะมีความเสี่ยงน้อยมากจากการกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไป โดยหากเจ้าหน้าที่ดำเนินนโยบายมากกว่าที่จำเป็น สิ่งนี้ก็จะไม่สูญเปล่า การฟื้นตัวจะแข็งแกร่งและรวดเร็วขึ้น หากมีการใช้นโยบายการเงินและการคลังควบคู่กันเพื่อพยุงเศรษฐกิจให้พ้นจากภาวะวิกฤต" นายพาวเวลล์กล่าวต่อสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐ (NABE) เมื่อวานนี้ (6 ต.ค.)

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด

ประธานเฟดยังกล่าวด้วยว่า แม้ขณะนี้จะมีความคืบหน้าในการสร้างงาน และกระตุ้นการบริโภค แต่ผู้กำหนดนโยบายยังคงต้อง “เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป” มิฉะนั้นจะส่งผลให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างอ่อนแอ และส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน

 

ที่ผ่านมา เฟดได้ใช้มาตรการทางการเงินเพื่อเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% และอัดฉีดเม็ดเงินและสภาพคล่องจำนวนมากเข้าสู่ตลาด แต่ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสยังคงมีความขัดแย้งกันในการออกมาตรการทางการคลังครั้งใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่มาตรการเดิมได้หมดอายุลงเมื่อไม่นานมานี้

 

ทั้งนี้ การตัดสินใจระงับการเจรจาเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจงวดใหม่ของปธน.ทรัมป์ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กำลังพยายามเดินหน้าเจรจาต่อรองกันเกี่ยวกับวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ดังกล่าวเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยพรรคเดโมแครตเสนอวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่คณะบริหารของทำเนียบขาวเสนอวงเงิน 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ แนวโน้มการเจรจายังคงให้ความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันได้ในเร็ว ๆนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องมาสะดุดด้วยการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์

 

ข้อมูลอ้างอิง

Trump says he’s calling off stimulus negotiations with Democrats ‘until after the election’