การประกาศนำ พันธบัตรรัฐบาลจีน เข้ารวมใน ดัชนี World Government Bond Index โดย ฟุตซี่ รัสเซล (FTSE Russell) ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของจีน หลังจากที่พันธบัตรรัฐบาลจีนได้ถูกปฏิเสธที่จะนำไปรวมในดัชนีดังกล่าวเมื่อปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การนำพันธบัตรรัฐบาลจีนเข้ารวมอยู่ในดัชนี World Government Bond Index จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ของจีน และจะช่วยให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรของจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา
มอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า การที่พันธบัตรรัฐบาลจีนเข้ารวมอยู่ในดัชนี World Government Bond Index นั้น จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดพันธบัตรจีนสูงถึง 9 หมื่นล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปีหน้า ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ ประมาณการว่า เม็ดเงิน 1.4 แสนล้านดอลลาร์จะถูกดึงดูดเข้าสู่ตลาดพันธบัตรจีนภายในช่วง 12 เดือนแรก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จีนอนุมัติรัฐบาลท้องถิ่น ออกพันธบัตรอุ้มเอสเอ็มอี
ธปท. ดูแลสภาพคล่องตลาดเงินตลาดพันธบัตรใกล้ชิด
พันธบัตร"เราไม่ทิ้งกัน"วันแรก ยอดซื้อสูง 25,000 ล้าน
ทั้งนี้ ฟุตซี่ รัสเซล นับเป็นบริษัทจัดทำดัชนีให้กับตลาดหลักทรัพย์ระดับโลกรายที่ 3 ที่กำลังจะรวมเอาพันธบัตรรัฐบาลจีนไปรวมในการคำนวณดัชนี World Government Bond Index ซึ่งก่อนหน้านี้มี 2 รายที่จัดทำไปแล้วคือ บลูมเบิร์ก บาร์เคลย์ส และเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค
ข้อมูลของธนาคารกลางจีนระบุว่า มีเม็ดเงินจากต่างประเทศไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรจีนพุ่งขึ้นเกือบ 40% ในแต่ละปีนับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา จนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.83 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2563 แต่กระนั้นก็ตาม ตลาดพันธบัตรของจีนที่มีมูลค่ารวม 16 ล้านล้านดอลลาร์นั้น ยังมีต่างชาติถือครองในสัดส่วนน้อยมาก คือไม่ถึง 3%
นายซิ่ง จ้าวเผิง นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท ออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป จำกัด ให้ความเห็นว่า นี่คือความสำเร็จที่สำคัญ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาใหม่ และจะมีศักยภาพอย่างมากในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศให้ไหลเข้ามาสู่จีน เมื่อพิจารณาจากน้ำหนักและอิทธิพลของฟุตซี่ฯ ทั้งนี้ คาดว่า ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้จะทำให้การถือครองทรัพย์สินของจีนโดยชาวต่างชาติพุ่งขึ้นอย่างมาก หรืออย่างน้อยคือเพิ่มขึ้น 2 เท่า
นักวิเคราะห์เผยว่า การที่พันธบัตรรัฐบาลจีนให้ผลตอบแทนสูงกว่าเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจนักลงทุนจากทั่วโลก เนื่องจากผลตอบแทนจากพันธบัตรส่วนใหญ่ในประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่ที่ระดับใกล้ ๆ 0%
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนในปัจจุบัน อยู่ในระดับสูงกว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ใกล้แตะสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว
เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ฟุตซี่ รัสเซล ปฏิเสธที่จะรวมพันธบัตรรัฐบาลจีนเข้าคำนวณในดัชนีพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลก โดยอ้างถึงเงื่อนไขด้านสภาพคล่องในตลาดรอง (Secondary Market) ความยืดหยุ่นในการปริวรรตเงินตราและการชำระธุรกรรมการเงินของจีน ซึ่งนับแต่นั้นมา จีนก็ได้ทำการปฏิรูปตลาดตราสารหนี้อยู่หลายครั้ง โดยบางส่วนก็เกี่ยวข้องกับประเด็นเหล่านี้
ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา FTSE ยอมรับว่าจีนได้นำสิ่งที่ถูกร้องขอไปปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเพิ่มโอกาสในการเข้าสู่ตลาดของนักลงทุนต่างชาติ การเปิดให้มีทางเลือกในการซื้อขายสกุลเงินหยวนมากขึ้น และการปรับปรุงเพิ่มสภาพคล่องให้กับนักลงทุน
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวสรุปไว้ตอนหนึ่งว่า การที่พันธบัตรรัฐบาลจีนถูกนำเข้าไปรวมไว้ในดัชนีของฟุตซี่ รัสเซล จะทำให้นักลงทุนมองตลาดจีนในฐานะตลาดที่พัฒนาแล้ว ไม่ใช่ตลาดเกิดใหม่อีกต่อไป และการไหลของเม็ดเงินจากต่างประเทศมาลงทุนในพันธบัตรของรัฐบาลจีน ก็คาดว่าส่วนใหญ่จะถ่ายเทมาจากเม็ดเงินที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น
นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ ยังคาดหมายว่าพันธบัตรของจีนจะมีน้ำหนักมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ในดัชนีของฟุตซี่ฯ ที่ 5.7% เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการเข้าสู่ตลาดและปรับตัวไปแล้วช่วงหนึ่ง
ทั้งนี้ ราคาของพันธบัตรรัฐบาลจีนปรับลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 5 เดือนแล้ว ขณะที่อัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 1 จุดเป็นมากถึง 3.10% ณ เวลา 10:17 น. ในตลาดเซี่ยงไฮ้ (วันที่ 25 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับความตึงตัวของสภาพคล่อง ขณะที่ธนาคารกลางจีนเองก็หลีกเลี่ยงที่จะลดอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งนักลงทุนยังพากันหันไปให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเนื่องจากหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเริ่มเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในอัตราเร่งเพิ่มขึ้น สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี CSI 300 ของจีนมีการซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
รายงานข่าวระบุว่า การประกาศของฟุตซี่ รัสเซล ที่จะนำพันธบัตรรัฐบาลจีนเข้าคำนวณในดัชนีระดับโลกในปีหน้า พลอยทำให้ความเชื่อมั่นในสกุลเงินหยวนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ ค่าเงินหยวนปรับตัวสูงขึ้นราว 3.7% ในไตรมาสนี้ซึ่งมากที่สุดในเอเชีย และล่าสุดปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินหยวนขยับขึ้น 0.21% ไปอยู่ที่ 6.8132 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ